บุรีรัมย์ - การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบันไม่ได้มุ่งเพียงเนื้อหาวิชาการเท่านั้น หลายโรงเรียนยังให้ความสำคัญกับแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” โดยจัดให้มีการสอนที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันหรือชีวิตจริงของเด็กนักเรียนมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับการพัฒนาทักษะความสามารถให้เด็กและเยาวชน
นายวินิต ศิริสันติเมธาคม ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านโนนสูงน้อย ต.หนองชัยศรี อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า โรงเรียนบ้านโนนสูงน้อย เป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดสอนระดับอนุบาล 2 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนักเรียน 246 คน การเรียนการสอนของโรงเรียนบ้านโนนสูงน้อย มุ่งให้ “นักเรียนเป็นศูนย์กลาง” นอกจากด้านวิชาการที่เป็นพื้นฐานแล้ว ยังเน้นการเพิ่มเวลารู้ ด้วยการเพิ่มเวลาและโอกาสให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้มีประสบการณ์ตรง รู้จักคิดวิเคราะห์ ฝึกการทำงานเป็นทีม และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีความสุขจากกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลายขึ้น
ขณะเดียวกัน โรงเรียนบ้านโนนสูงน้อย ที่เป็นโรงเรียนดีประจำตำบล และเป็นหนึ่งในสถานศึกษาในโครงการสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) อยู่แล้ว จึงตัดสินใจเสนอโครงงานเรื่อง ร้านการแฟเด็กน้อย ร้อยเรียงสู่อาชีพ เพื่อสร้างทักษะในการประกอบอาชีพให้นักเรียน ถือเป็นการฝึกกระบวนการทำงาน และยังช่วยสนับสนุนการสร้างงาน สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ตนเองและครอบครัวนักเรียน หลังจากเสนอโครงการแล้วได้รับการอนุมัติและการสนับสนุนจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ให้จัดทำร้านจำหน่ายกาแฟและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อร้าน "CP สานฝันเด็กไทย"
“ร้านกาแฟ "CP สานฝันเด็กไทย" เป็นโครงการที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชน และสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานของโรงเรียน ที่ต้องการเสริมทักษะความรู้และอาชีพให้เด็กนักเรียน เพื่อปูพื้นฐานอาชีพให้พวกเขาในอนาคต ซึ่งร้านจำหน่ายกาแฟและเครื่องดื่มชงนั้นใช้เงินลงทุนไม่มาก หากนักเรียนจะนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดเป็นอาชีพของตนเองและครอบครัวก็สามารถทำได้
โรงเรียนอยากให้เด็กๆ ได้เป็นเจ้าของกิจการ โครงการนี้จึงช่วยสานฝันการประกอบอาชีพของพวกเขาได้ สำหรับนักเรียนจะมีรายได้จากส่วนแบ่งการขาย และร้านเปิดเป็นบัญชีร้านเพื่อควบคุมรายรับรายจ่าย มีการทำบัญชีควบคู่ เพื่อให้ร้านดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน มีคุณครูดูแล 4 คน มีนักเรียน 10 คนเป็นคนดูแลประจำร้าน โดยเด็กๆ มีโอกาสเข้าเรียนรู้ทุกคน” ผอ.วินิต กล่าว
สำหรับน้องๆ นักเรียนที่ผ่านการฝึกประกอบอาชีพจากร้านกาแฟ ที่ผ่านมาจำนวนหนึ่งรุ่น เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 40 คน ซึ่งเป็นการเพิ่มเวลารู้ในที่คาบชุมนุมที่ ในช่วงบ่ายสามถึงสี่โมง ทุกวันจันทร์ จึงไม่กระทบกับการเรียนการสอน โดยมีน้องๆ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 24 คน ที่จบการศึกษาและได้ไปศึกษาต่อในลำดับชั้นที่สูงขึ้น ในจำนวนนี้ได้ใช้ความรู้จากการศึกษาลงมือปฏิบัติจากโรงเรียน ไปใช้ในงาน Part Time ได้ทันที
ด.ญ.ฑิมพิกา ผมพันธุ์ หรือน้องแก้ม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หนึ่งในแกนนำนักเรียน บอกว่า ดีใจมากและขอขอบคุณที่ซีพีเอฟ สนับสนุนการเปิดร้านกาแฟ ทำให้มีร้านกาแฟและวัตถุดิบในการเปิดร้านกาแฟอย่างครบถ้วน และยังมีพี่ๆ จากร้านสตาร์คอฟฟีมาเป็นวิทยาการช่วยสอน ฝึกอบรมการชงกาแฟสด และเครื่องดื่มต่างๆ ทำให้มีสูตรชงที่แน่นอน
จนลูกค้าต่างติดใจในรสชาติที่อร่อย โครงการนี้ทำให้เรามีความรู้สามารถนำไปต่อยอดสร้างรายได้ให้ตัวเองและครอบครัวได้หลังจากจบการศึกษา หรือแม้แต่ช่วงวันหยุดปิดภาคเรียนก็สามารถทำเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ ที่สำคัญทักษะเหล่านี้ยังทำให้คว้ารางวัลในการประกวดโครงงานสร้างความภูมิใจให้พวกเรา
เช่นเดียวกับ ด.ช.ทีทายุ เทินสะเกษ หรือน้องอชิ นักเรียนชั้นเดียวกัน กล่าวว่าการได้ฝึกทักษะอาชีพร้านกาแฟ ทำให้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเพื่อนๆ รู้เทคนิคการขาย การพบปะผู้คน สร้างความมั่นใจให้ตนเองและเพื่อนๆ นอกจากการจำหน่ายกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ ที่หน้าร้าน ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างสหกรณ์โรงเรียนแล้ว เรายังขยายการจำหน่ายเป็นเครื่องดื่มชงบรรจุขวด ราคาย่อมเยาเพียงขวดละ 5 บาท ทำให้สะดวกต่อการดื่มและสามารถซื้อหาไปฝากครอบครัวได้ ถือเป็นอีกช่องทางการจำหน่ายที่สร้างรายได้เพิ่มให้โครงการ ขณะเดียวกัน ยังมีการรับคำสั่งซื้อสินค้าสำหรับงานต่างๆ รวมถึงการออกบูทในงานแสดงสินค้าต่างๆ เช่น งานของดีลำปลายมาศ ซึ่งบูทของเราได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และยังได้วางแผนต่อยอดสู่การทำเบเกอรี่ในอนาคตด้วย
โครงการสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์ อีดี และซีพีเอฟ ภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ให้เด็กไทย และเป็นอีกพลังในการสนับสนุนให้น้องๆนักเรียนมีวิชาความรู้ติดตัวสู่อนาต และเปิดโลกกว้างทางการศึกษาและการยกระดับพัฒนาเด็กๆ มาอย่างต่อเนื่อง