ปราจีนบุรี - หลายหน่วยงานใน จ.ปราจีนบุรี ร่วมตรวจสอบโรงงานกลุ่มทุนจีนที่อยู่ระหว่างก่อสร้างถูกแรงงานชาวพม่ารวมตัวประท้วงปิดทางเข้าออกหลังไม่ได้รับค่าจ้างนาน 2 เดือน ขณะผู้บริหารโรงงานยันจ่ายเงินให้ซับหมดแล้วแต่พร้อมเยียวยา ยันไม่มีแรงงานมากถึง 700 คน
จากเหตุการณ์ชาวพม่ากว่า 700 คน รวมตัวปิดทางเข้าออกโรงงานแห่งหนึ่งของกลุ่มทุนชาวจีนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างภายในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี เพื่อเรียกร้องค่าจ้างค้างจ่ายจากนายจ้างรวมจำนวน 2 เดือน เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา แและภายหลังเกิดเหตุ นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน ได้ออกมาแถลงว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งติดตามแก้ไขปัญหาโดยทันที
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวเป็นคนงานก่อสร้างอาคารโรงงาน 3 ชั้น พร้อมดาดฟ้าและสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวเนื่องของโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ในเนื้อที่รวม 50 ไร่ ที่มีบริษัท ไอฟาวน์ พีซีพี (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งได้รับทุนจากรัฐบาลจีนในการก่อสร้างเป็นผู้ลงทุน
และมีบริษัท ชาง เชง จำกัด เป็นผู้นำคนงานเข้าดำเนินการก่อสร้าง โดยได้ทำสัญญาช่วงกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างหลัก คือ บริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด โดยมีระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่เดือน ก.พ.67-มี.ค.68 ซึ่งในสัญญาแรกการก่อสร้างอาคารโรงงาน 3 ชั้น มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือน ต.ค.67 และขณะนี้ก่อสร้างแล้วประมาณ 70% นั้น
วันนี้ (19 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมจัดสรรหางาน ตม.จังหวัดปราจีนบุรี กอ.รมนจังหวัดปราจีนบุรี ตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารด้านการคุ้มครองแรงงาน และการจ้างแรงงานข้ามชาติภายในโรงงานดังกล่าวเพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาและกำชับให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง
โดยมีตัวแทนจากบริษัท ไอฟาวน์ พีซีพี (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นการดำเนินงานทั้งหมด และตัวแทนจากบริษัท ชาง เชง จำกัด ผู้นำคนงานเข้ามาก่อสร้างเข้าร่วมประชุม แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวร่วมรับฟัง โดยการประชุมแล้วเสร็จในเวลา 17.00 น. จากนั้นจึงได้ให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังการชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่าการก่อสร้างอาคารโรงงาน 3 ชั้น ได้ดำเนินการมา 194 วัน โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จภายใน 395 วัน และมีคนงานชาวพม่าที่เข้ามาทำงานในไซต์งานวันนี้มีกว่า 100 คน และส่วนใหญ่เป็นแรงงานของ บริษัทซับคอนแทรกต์ที่เพิ่งเข้ามารับงานเมื่อวันที่ 5 ก.ค.67 ที่ผ่านมา
ขณะที่ นายชัยพัชร์ จรัสสิรินพคุณ ผู้จัดการโครงการได้ชี้แจงกรณีที่มีการเสนอข่าวว่ากลุ่มแรงงานที่รวมตัวประท้วงมีจำนวนกว่า 700 คน ว่าไม่เป็นเช่นนั้นเพราะบริษัทได้ว่าจ้างซับคอนแทรกต์เข้าทำงานเพียงแค่ 2 บริษัท และมีจำนวนคนงานรวมกันเพียงแค่ 250 คน ส่วนที่เหลือเป็นซับคอนแทรกต์ของบริษัทเก่าที่ทางโรงงานได้ยกเลิกสัญญาไปแล้ว
"ส่วนที่มีแรงงานเข้ามาร่วมด้วยเพราะกลุ่มแรงงานได้ข่าวมาว่าจะมีการปิดไซต์งานเพื่อเจรจาต่อรองในการจ่ายค่าจ้างแรงงาน ซึ่งในเรื่องของการจ่ายค่าแรงนั้นเราได้คุยกับพี่ๆ น้องๆ แล้วว่าเราจะจ่ายให้ตรงตามสัญญาจ้าง และจะมีมาตรการควบคุมในครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก"
ผู้จัดการโครงการก่อสร้างอาคารโรงงานยังเผยอีกว่าในอนาคตจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะบริษัทจะทำบัญชีประกันให้แรงงานที่ไม่ได้รับความยุติธรรมและไม่ได้รับเงินค่าจ้างก่อนเพื่อทำการชดเชย อีกทั้งยังจะมีเรื่องของกฎหมายแรงงานเข้ามาดูแลด้วย
"การดำเนินงานทั้งหมดนั้นเราได้เริ่มมาก่อนที่จะมีเหตุการณ์ประท้วงเกิดขึ้นและได้ทำสัญญาจ้างจบไปแล้วใน 4 บริษัท รวมทั้งได้จ่ายเงินให้ซับคอนแทรกต์ไปแล้ว ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าบริษัทซับไม่ได้จ่ายค่าแรงให้พนักงานจึงทำให้เกิดมีการรวมตัวประท้วงขึ้น" ผู้จัดการโครงการก่อสร้างอาคารโรงงาน กล่าว
และจากการสอบถาม นายวินัย มะยมทอง แรงงานจังหวัดปราจีนบุรี ที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบทราบว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการเข้ามาตรวจสอบเรื่องการจ่ายค่าจ้างให้แรงงานเป็นหลัก ส่วนเรื่องแรงงานที่เข้ามาทำงานถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้นจะต้องทำการตรวจอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีแรงงานบางส่วนที่เข้ามาโดยไม่ถูกต้องและได้ให้คำแนะนำไป และหลังจากนี้ไม่เกิน 1 เดือนจะเข้ามาตรวจการใช้แรงงานอีกครั้ง
แต่จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่าในวันนี้ภายในโรงงานที่กำลังก่อสร้างไม่มีแรงงานชาวพม่าและชาวกัมพูชาที่รวมตัวประท้วงในคืนเกิดเหตุแต่อย่างใด