พระนครศรีอยุธยา - เจ้าหน้าที่เร่งคลายปม "หมอเก่ง" เสียชีวิต ตำรวจเชิญตัวนายยู สอบถามยังให้การไม่เป็นประโยชน์ พบข้อมูลหมอเก่งสั่งซื้อยาไซยาไนด์ แต่ยกเลิกคำสั่งซื้อ พร้อมพบมีการค้นหาความรู้เรื่องไซยาไนด์จากออนไลน์
วันนี้ (15 ส.ค.) กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยรอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ประชุมตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครศรีอยุธยา พนักงานสอบสวน และส่วนที่เกี่ยวข้อง ประชุมเร่งรัดในเรื่องหมอเก่ง เสียชีวิต ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการสืบสวนติดตามหาสาเหตุของการเสียชีวิตของหมอเก่ง ว่า ได้ส่งศพของหมอเก่งชันสูตร ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จ.ปทุมธานี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด
เริ่มต้นของคดี จากการที่หมอเก่ง ออกจากบ้านไปเช่าห้องพักรายวันอยู่ด้วยกันกับนายยู ที่ จ.นนทบุรี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไปที่ห้องพัก เนื่องจากทางญาติมีการแจ้งความว่าหมอเก่งหายตัวออกไปจากบ้าน หมอเก่งได้มีการบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่ได้โดนบังคับ ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย เต็มใจที่จะมาอยู่กับนายยู เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกลับออกมา
จากนั้นทางครอบครัวของหมอเก่ง ได้รับข้อความจากหมอเก่ง ให้มารับศพด้วย จะฆ่าตัวตาย ทางครอบครัวร้อนใจ โทร.หาเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้กลับไปที่ห้องพักอีกครั้ง ทางหอพักเห็นว่าเกิดความวุ่นวายจึงได้เชิญให้ หมอเก่ง และนายยู ออกจากห้องพัก ทั้งคู่จึงออกมา จะเดินทางไปที่จังหวัดลำพูน เพื่อไปบ้านตาของนายยู แต่ขับรถไม่ไหว จึงได้แวะจอดนอนพักผ่อนที่โรงแรมริมถนนสายเอเชียพื้นที่ สภ.บางปะอิน จนช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. นายยูได้โทร.แจ้งกับทางศูนย์กู้ชีพว่า หมอเก่งป่วยปวดท้องรุนแรง จึงได้มีการนำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เวลาประมาณตีสี่ และเสียชีวิตในวันที่ 14 ส.ค.
โดยนายยู หายตัวไปไหนหลังจากที่ส่งหมอเก่งเข้าโรงพยาบาลแล้ว เห็นว่าหมอเก่งมีอาการวิกฤต เกิดความเครียด จึงเดินทางกลับไปที่บ้านของตาที่จังหวัดลำพูน เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาได้แล้ว ในเบื้องต้นยังให้การไม่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าหมอเก่ง กินส้มตำแล้วปวดท้อง ซึ่งตำรวจยังไม่เชื่อ จึงต้องสืบสวนขยายผลหาข้อเท็จจริง หาพยานหลักฐาน ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พร้อมทั้งได้มีการประสานทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนภาค 5 สืบสวนภาค 2 และ สภ.แหลมสิงห์ เพื่อดูพฤติกรรมของนายยู กับหมอเก่ง
จากการแสวงหาข้อมูลในเบื้องต้น พบว่าตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. หมอเก่ง มีความพยายามที่จะฆ่าตัวตาย โดยพบข้อมูลว่า หมอเก่งมีการศึกษาหาข้อมูลเรื่องของยาไซยาไนด์ ยาเบื่อหนู ว่าผลของยาและอาการจะเป็นอย่างไร ทางอินเทอร์เน็ต และได้หาซื้อยาไซยาไนด์ ทางอินเทอร์เน็ตมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนก.ค.และมีการสั่งซื้อยาไซยาไนด์ วันที่ 31 ก.ค.และของจะมาส่งวันที่ 9 ส.ค.แต่ยกเลิกการสั่ง ได้รับเงินคืนแล้ว จากข้อมูลนี้แสดงว่าหมอเก่งมีความตั้งใจที่จะฆ่าตัวตายตั้งแต่แรก ตำรวจต้องมาสืบสวนอีกว่า สาเหตุที่หมอเก่งจะฆ่าตัวตายมีอะไรบ้าง ส่วนหมอเก่งกินยาฆ่าตัวตาย หรือมีใครทำให้หมอเก่งตาย เรากำลังสืบสวนอยู่
กระทั่งเวลา 16.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พา นายยู ลงมาเพื่อเดินทางพาดูที่โรงแรมอย่างละเอียดหลังจากที่เดินทางมาถึงของทั้ง 2 คนและเข้าพัก ก่อนหมอเก่งจะเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้อง อาการโคม่า โดยไม่ได้พูดคุยหรือถามตอบกับนักข่าวแต่อย่างใด
ต่อมา เวลา 17.00 น. ภายหลังจาก นายยู ขึ้นไปชี้ห้องพักก่อนที่ หมอเก่ง ปวดท้องก่อนมาโรงพยาบาล โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที หลังจากนั้น นายยู ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่าจากกระแสข่าวที่บอกว่า คืนวันที่ 12 สิงหาคม มีคนเห็นว่าตนไปรับของบางอย่างกับไรเดอร์ ก่อนจะเอาไปให้หมอเก่งนั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้ลงมารับของจากไรเดอร์แต่อย่างใด มีเพียงการสั่งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมจากห้องพักเท่านั้น
นายยู กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนมาพักที่นี่กับหมอเก่ง แล้วปรากฏว่าหมอเก่งปวดท้อง จึงได้กินยา ซึ่งก่อนหน้านี้มีการกินข้าวกันปกติ ตนไม่รู้มาก่อนเลยว่าหมอเก่งจะฆ่าตัวตาย เพราะไม่ได้มีการคุยกันเรื่องนี้ ตนรู้เพียงแต่ว่ามีโรคประจำตัวคือไมเกรนเท่านั้น จะกินยาประจำตัวตลอด
ที่ตัดสินใจออกมาอยู่ด้วยกัน เพราะว่าเราสองคนอยากจะหนีมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เนื่องจากเจอปัญหาหลายอย่างมาก ส่วนที่พี่เก่งบอกว่าให้มารับศพทั้ง 2 คน ผมมารู้ตอนที่ตำรวจมาหารอบที่ 2 ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ผมอยากจะตายตามแกไป รักเขามาก อยากจะไปงานศพเขามาก พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ หมอเก่งเคยบอกกับครอบครัวว่าเลิกกับตนแล้ว 1 เดือน ก่อนที่จะกลับมาคบกันใหม่นั้นไม่เป็นความจริง
