บุรีรัมย์ - แม่ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ วิงวอนรัฐบาลและ ก.ต่างประเทศทั้งน้ำตาให้ช่วยเหลือลูกชาย ม.6 ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ติดต่อผ่านเพื่อนในเฟซฯ เผยพยายามหาทางหนีกลับบ้าน ครอบครัวจุดธูปไหว้ศาลพระภูมิหน้าบ้านขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ลูกปลอดภัย
วันนี้ (14 ส.ค. 67) นางสาวเพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้นายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 13 หมู่ 9 บ้านโคกก้านเหลือง ต.หนองกง อ.นางรอง เพื่อตรวจสอบข้อมูล หลังได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหนึ่งว่าลูกชายถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา
ได้พบกับ นายสมจิตร์ จิรัมย์ อายุ 51 ปี และ นางเพชร จิรัมย์ อายุ 56 ปี พ่อ และแม่ของนายนันทวัฒน์ หรือน้องวิว อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง ที่ร้องขอความช่วยเหลือว่าน้องวิวลูกชายถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน
นางเพชร แม่ของน้องวิว เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันลูกเรียนอยู่ชั้น ม.6 ปกติลูกชายเป็นเด็กเรียนดีและขยัน วันหยุดหรือปิดเทอมจะชอบไปหาทำงานเพื่อหารายได้เสริม ที่ผ่านมาก็เคยมาขอไปรับจ้างเก็บผลไม้ที่ต่างจังหวัด แต่เห็นว่าลูกยังเรียนและเป็นห่วงจึงไม่ให้ไป แต่ถ้าอยู่ใกล้ถึงจะอนุญาตให้ไป กระทั่งวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาเขาบอกจะไปซ้อมละครที่โรงเรียน โดยให้น้องชายขับรถออกไปส่ง แต่ให้น้องส่งแค่บริเวณหน้าวัดหนองตะไก้บนถนน 24 แล้วจะกลับบ้านเอง กระทั่งค่ำติดต่อลูกชายไม่ได้อีก
พยายามสอบถามกับเพื่อนๆ เขา จนมาทราบอีกทีเมื่อลูกชายติดต่อไปหาเพื่อนบอกว่าเขาไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชาแล้ว ก็ตกใจมาก พยายามสอบถามข้อมูลจากเพื่อนๆ เขาทราบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาชวนไปทำงาน โดยมีรถมารับแล้วพาไป พอขึ้นรถก็หลับไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าโดนวางยาหรือเปล่า ไปรู้สึกตัวตื่นที่ อ.อรัญประเทศแล้ว เชื่อว่าน่าจะถูกหลอกพาไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานภาครัฐ กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยเหลือพาลูกชายกลับบ้านด้วย
ทั้งนี้ พ่อกับแม่ และน้องชาย ยังได้จุดธูปไหว้ศาลพระภูมิหน้าบ้านตามความเชื่อ เพื่อขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองนายนันทวัฒน์ หรือวิว ให้ปลอดภัยด้วย
ขณะที่เด็กชายนิติพล หรือวิน น้องชายของนายนันทวัฒน์ ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพี่ชายบอกให้ขับรถไปส่ง บอกว่าจะไปซ้อมละครที่โรงเรียน จากนั้นก็ไม่เห็นกลับมาบ้าน และติดต่อพี่ชายไม่ได้ จนวันอาทิตย์ได้ส่งข้อความมาบอกว่า อยู่ที่ประเทศกัมพูชาแล้ว ตนตกใจว่าพี่ไปทำอะไรที่นั่น จึงได้สอบถามพี่ชายก็บอกแค่ว่ามีรถมารับก่อนขึ้นรถแล้วหลับไป ตื่นอีกทีคือที่ อ.อรัญประเทศ ก่อนจะถูกพาไปที่พักแห่งหนึ่งในกัมพูชา ซึ่งพี่ชายไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แค่ปักหมุดและถ่ายคลิปที่พักมาให้ดูเท่านั้น เป็นห่วงพี่ชายกลัวจะถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยากให้ช่วยเหลือพาพี่กลับบ้าน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทราบว่าทางหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ได้ติดต่อประสานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องในกัมพูชา เพื่อตรวจสอบข้อมูลและให้การช่วยเหลือพาน้อง ม.6 กลับบ้านต่อไป