ระยอง - ปกครองระยอง สนธิกำลังร่วม กอ.รมน.จังหวัด และอุตสาหกรรมจังหวัด บุกตรวจบ่อทรายก้นอ่าว ต.เพ อ.เมืองระยอง หลังชาวบ้านร้องนายทุนสร้างปัญหาเดือดร้อนจากการขุดทรายแก้ว สร้างทั้งฝุ่นดิน-ถนนพัง
จากกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่ก้นอ่าว ซ.1/5 ม.1 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการที่มีนายทุนเข้ามาลักลอบขุดทรายแก้วและนำรถบบรรทุก 10 ล้อวิ่งเข้าออกไม่น้อยกว่า 10 เที่ยวต่อวันจนทำให้ถนนพัง และยังเกิดปัญหาฝุ่นละลองจนทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักนั้น
วันนี้ (12 ส.ค.) นายอนุสรณ์ แสงกล้า นายอำเภอเมืองระยอง ได้สั่งการให้นายธัชพล เอี่ยมงาม ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองระยอง สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ร่วม กอ.รมน.จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และเจ้าหน้าที่กองร้อย อส.อำเภอเมืองระยอง เข้าตรวจสอบจุดที่ได้รับการร้องเรียน โดยมีเจ้าของที่ดินซึ่งนำเอกสารเป็นโฉนดที่ดินและเอกสารการขออนุญาตทำการขุดดินถมดิน ให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ
โดยพบกองทรายแก้วขนาดใหญ่อยู่ปากบ่อ และยังพบว่าที่ดินดังกล่าวมีโฉนดที่ดินเป็นชื่อของ นายประยุทธ์ (ขอสงวนนามสกุล) และได้มีการขออนุญาตขุดดินถมดินจากเทศบาลตำบลบ้านเพ อย่างถูกต้อง เมื่อวันที่ 20 ม.ค.-20 เม.ย.2567
นายธัชพล เอี่ยมงาม ปลัดฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองระยอง เผยว่า เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบไม่พบเครื่องจักรหรือรถแบ็กโฮอยู่ในพื้นที่ จึงได้ทำการตรวจสอบเอกสารซึ่งพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีโฉนด และมีการขออนุญาตขุดดินถมดิน แต่ใบอนุญาตการขุดดินถมดินหมดอายุไปแล้วในระยะเวลา 90 วัน หรือ 3 เดือน
"และยังพบว่าการขุดบ่อดินไม่เป็นไปตามแบบและเว้นระยะห่างตามที่วิศวกรของเทศบาลเป็นผู้ดำเนินการเขียนแบบไว้ จึงได้แนะนำให้เจ้าของที่ดินติดต่อขอใบอนุญาตขุดดินถมดินจากเทศบาลให้ถูกต้องและให้ขุดบ่อตามแบบที่วิศวกรออกแบบ ส่วนเรื่องใบอนุญาตขาดนั้น เทศบาลต้องเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน หรือเทศบาลนั้นต้องใช้กฎหมายปกครองท้องถิ่นเปรียบเทียบปรับได้"
ปลัดฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองระยอง ยังเผยถึงกรณีการวิ่งเข้าออกของรถบรรทุก 10 ล้อจนทำให้ถนนพัง ว่า เบื้องต้นได้แนะนำให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นเพราะเส้นทางดังกล่าวอยู่ในช่วงการก่อสร้างของเทศบาลด้วยจึงทำให้เกิดฝุ่นละลองจนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน พร้อมแนะนำไม่ให้รถบรรทุกวิ่งเกินน้ำหนัก รวมทั้งต้องทำการคลุมด้วยผ้าใบให้มิดชิด
"ส่วนเรื่องทรายแก้วนั้น ทางอุตสาหกรรมจังหวัด ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีเครื่องจักร ไม่มีแรงม้า และไม่พบผู้กระทำผิดจึงไม่ใช่เหตุ เจ้าหน้าจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนกับเจ้าของที่ดินไปแล้วให้ไปขออนุญาตจากอุตสาหกรรมจังหวัดให้ถูกต้องก่อนจะดำเนินการต่อ" ปลัดฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองระยอง กล่าว