เชียงใหม่ - ผบช.ภ.5 นำตำรวจแจงยิบ..นำเทคโนโลยี AI ช่วยขยายผล แกะรอยสกัดจับแก๊งขนไอซ์รายใหญ่ยกก๊วน พบดัดแปลงรถขับรับยานรกจากชายแดนรวดรวม 7 คัน โดนจับก่อน 2 ที่เหลือเจอตามสอยเรียบ ชี้ลำเลียงมาแล้วไม่ต่ำ 15 ครั้ง จอดกระจายส่งทั้งกรุงเทพฯ-ภาคกลางแบบดีลิเวอรี
วันนี้ (7 ส.ค.) พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.เชียงราย, ภ.จว.แพร่ ทหารกองกำลังผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวการดำเนินคดียาเสพติดประเภทไอซ์แก๊งหมายจับคนไทยที่อยู่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เป็นคนสั่งการ โดยของกลางทั้งหมดประกอบด้วยรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ 1 คัน รถกระบะ 3 คัน และรถยนต์ตู้ 3 คัน ผู้ต้องหาถูกจับกุม 8 คน ของกลางไอซ์ 452 กิโลกรัม
การดำเนินคดีและยึดของกลางมีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 31 ก.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.เชียงราย ได้สกัดรถยนต์กระบะ 1 คันและรถยนต์บรรทุก 6 ล้ออีก 1 คัน ผู้ต้องหา 3 คน ได้ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย-อ.เทิง ซึ่งพบไอซ์ซ่อนในรถคันหลังน้ำหนักรวม 150 กิโลกรัม
เจ้าหน้าที่จึงขยายผลโดยใช้เครื่องมือ AI วิเคราะห์รถก็พบว่ามีรถที่เป็นกลุ่มเดียวกัน 7 คัน ไปรับไอซ์มาจากชายแดนด้าน จ.เชียงราย ตรวจยึดแล้ว 2 คัน จึงเหลืออีก 5 คัน บก.สส.ภ.5 ได้ออกสืบสวนซึ่งทราบว่าทุกคันยังอยู่ในพื้นที่ ภ.5 โดยกระจายอยู่ในเขต จ.เชียงราย จ.ลำปาง และ จ.แพร่ จึงตามไปจับกุมได้ ซึ่งพบว่าทั้งหมดเป็นขบวนการเดียวกัน เมื่อรวมกับของกลางทั้งคดีเก่าและที่ขยายผลจึงรวม 602 กิโลกรัม
พฤติกรรมคือผู้บงการเป็นคนไทยหลบหนีอยู่ในฝั่งประเทศเมียนมาชื่อ “นายเอกสิทธิ์” ซึ่งถูกออกหมายจับจากทางการไทย และได้สั่งการให้คนไทยอีกคนที่ถูกหมายจับเหมือนกันให้ไปว่าจ้างสามีภรรยาชาวเชียงรายทำการขนมาส่งให้กลุ่มคนขนลำเลียงดังกล่าว
พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 กล่าวว่า สอบปากคำผู้ต้องหาตอนแรกได้ข้อมูลไม่มากนัก เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เครื่องมือ AI จนพบการเคลื่อนไหวเครือข่าย จึงประสานไปยังด่านตรวจแม่พริก จ.ลำปาง ด่านตรวจห้วยไร่ จ.แพร่ จนพบรถตู้อีก 3 คันขับผ่านด่านตรวจต่างๆ เมื่อเรียกตรวจและใช้เครื่องเอกซเรย์รวมทั้งติดตามรถคันอื่นๆ โดยประสานไปยัง จ.เชียงราย และ จ.แพร่ จนยึดได้ครบทั้งกลุ่ม
จากการตรวจสอบพบความสำคัญคือคนกลุ่มนี้เคยขนยาเสพติดในลักษณะนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 15 ครั้ง ความถี่ในการขนผ่านพื้นที่ ภ.5 คือ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยนำไปประจายเป็นจุดๆ แบบบริการดีลิเวอรีตามคำสั่งของเจ้าของยาเสพติด ทั้งในเขตกรุงเทพฯ อยุธยา ลพบุรี ฯลฯ
"พฤติกรรรมของขบวนการนี้คือจะนำรถไปรับยาเสพติดที่ชายแดนและขับตามกันมาเป็นขบวน ถ้าไม่มีด่านก็จะวิ่งตามกันไป ถ้าเห็นด่านก็จะแตกขบวน โดยมีรถนำขบวนรถตู้ในการเช็กด่านและการทำงานของตำรวจ ซึ่งคิดว่ายาเสพติดที่ทะลักเข้าไปเกิดจากขบวนการกลุ่มนี้ค่อนข้างเยอะโดยเป็นยาไอซ์ทั้งหมด ซึ่งเรายังจะต้องสืบสวนและขยายผลต่อ" พล.ต.ต.วรพงศ์กล่าว และว่า รถของกลางหัวหน้าขบวนการนี้มีการจัดสถานที่ในการดัดแปลงรถเพื่อซุกซ่อนตรงเพดานรถตู้และอื่นๆ แล้วนำออกเป็นห่อหรือแพกตามจุดที่นำไปส่ง