เชียงใหม่ - ลุงหัวร้อนวัย 50 ปี พร้อมกับมีดยาวกว่า 1 ฟุตเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทรายแล้วหลังก่อเหตุหัวร้อน อ้างกระบะคันหน้าขับแช่ขวาก่อนควงมีดข่มขู่ "คิงจะเอาก่อ" ส่วนมีดเป็นมีดที่พกไว้ทำครัว และตัดไม้ ยอมรับหัวร้อนไปนิด ขอโทษสังคม เจอแจ้งข้อหา ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ ขณะที่หนุ่มคู่กรณีอยากให้ยึดใบขับขี่ตลอดชีพเพราะพฤติกรรมอันตรายต่อสังคม ยันมีหลักฐานเพิ่มจากคลิป ลุงไม่ได้ขับตามมาตลอดเส้นทางตามที่อ้างเพิ่งมาเจอกันตรงไฟแดง และขับออกจากแยกไม่กี่เมตร ไม่เข้าใจเหตุผลว่าอะไรทำให้หัวร้อนได้ขนาดนั้น
ความคืบหน้ากรณีหนุ่มอายุ 26 ปีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวพร้อมคลิปเตือนภัยผู้ใช้รถใช้ถนนหลังเกิดเหตุการณ์ถูกคู่กรณีขับรถกระบะแซงซ้ายแล้วปาดหน้าพร้อมกับด่าทอท้าทาย จนกระทั่งมีการจอดรถข้างทางแล้วลงไปคุยกัน ซึ่งพบว่าคู่กรณีเป็นชายสูงอายุที่ถืออาวุธมีดลงมาด้วยคล้ายข่มขู่ พร้อมพูดว่า "คิงจะเอาก่อ" โดยเหตุเกิดช่วงดึกคืนวันที่ 3 ส.ค. 67 บนถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ขาออกเมือง ช่วงผ่านกาดสามแยก เขตอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้แชร์และแสดงความเห็นจำนวนมาก รวมทั้งพบด้วยว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกชายสูงอายุคนเดียวกันนี้กระทำลักษณะคล้ายกันมาแล้ว ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายอายุ 50 ปี ชาวอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
วันนี้ (6 ส.ค. 67) ที่สถานีตำรวจภูธรสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ นายเบิร์ด (นามสมมติ) อายุ 50 ปี พร้อมอาวุธมีดความยาวกว่า 1 ฟุต ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุตามคลิปเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามที่ถูกเรียกตัวหลังจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยเบื้องต้นชายผู้ก่อเหตุขอโทษสังคมให้อภัยตน ยอมรับว่าใช้อารมณ์มากเกินไป เนื่องจากไม่พอใจที่คู่กรณีขับรถแช่ขวามาตลอดทางตั้งแต่แยกศาลเด็ก และกีดขวางรถอีกหลายคัน ซึ่งมองว่าหากมีรถที่มีธุระจำเป็นและเหตุเร่งด่วนจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการใช้เส้นทาง โดยเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่พร้อมที่จะขอโทษคู่กรณี รวมทั้งยินดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้หลังจากที่เกิดเหตุและมีการโพสต์ในโซเชียลทำให้ตัวเองได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากภรรยาโกรธ และไม่ยอมให้เข้าบ้านด้วย ส่วนมีดที่พกไว้นั้นเป็นมีดที่ติดรถไว้เป็นประจำใช้สำหรับทำครัวบ้างหรือตัดหญ้าตัดต้นไม้บ้าง เหตุที่นำมีดลงไปข่มขู่เนื่องจากเห็นว่าคู่กรณีเป็นวัยรุ่นตัวใหญ่เกรงจะสู้ไม่ได้หากมีเรื่องชกต่อยกันเลยเอามีดไปป้องกันตัว และยืนยันว่าตนเองไม่ได้เมาในคืนเกิดเหตุ
ด้านนายบีท (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเช่นกัน เปิดเผยว่า ตัวเองขับรถตามปกติและยืนยันว่าไม่ได้กีดขวางรถคันอื่น ส่วนที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าตัวเองขับรถตามมาตั้งแต่แยกศาลเด็กแล้วนั้น ยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องติดรถและกล้องวงจรปิดพบว่ารถของผู้ก่อเหตุเพิ่งโผล่มาช่วงติดไฟแดงหน้าตลาดสามแยกเท่านั้น และมีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุรายนี้เคยก่อเหตุและมีพฤติกรรมการขับขี่ที่เข้าลักษณะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่นๆ มาแล้วหลายครั้ง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และหากเป็นไปได้อยากให้ยึดใบขับขี่ ตลอดชีพเพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุซ้ำซากอีก
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาลุงหัวร้อน ''ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ, พาอาวุธ(มีด)ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใด'' พร้อมกันนี้ได้เชิญตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้าไปพูดจาไกล่เกลี่ยกันภายในห้องสอบปากคำ โดยทางฝ่ายผู้ก่อเหตุไม่ได้มีการแสดงท่าทีสำนึกผิดหรือขอโทษทางฝ่ายผู้เสียหายแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่าทางผู้เสียหายขับรถแช่เลนขวา ขณะที่ผู้เสียหายปฏิเสธและมีหลักฐานยืนยันเป็นคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ในช่วงการขับขี่ ทั้งนี้ได้เรียกค่าทำขวัญจำนวน 10,000 บาท และอยากให้ยึดใบขับขี่ รวมทั้ง ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนเตรียมสอบปากคำทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียดและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
