บุรีรัมย์ - ชมรมรถบรรทุกขนส่งสินค้าจ.บุรีรัมย์ เผยรถบรรทุกขนส่งสินค้าแห่แจ้งจอดหยุดวิ่ง หลังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงต่อเนื่องและเศรษฐกิจตกต่ำ การจ้างงานภาคขนส่งลดลง อีกทั้งเผชิญการแข่งขันจากต่างประเทศ วอนรัฐบาลหามาตรการปรับลดราคาน้ำมันและกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงานภาคขนส่ง ก่อนหยุดวิ่งมากกว่านี้
วันนี้ (6 ส.ค. 67) สถานการณ์ธุรกิจภาคขนส่งสินค้ากำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก ล่าสุดรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่วิ่งรับส่งสินค้าข้ามจังหวัด ที่อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ไปต่อไม่ไหวต้องแจ้งจอดหยุดวิ่งรับส่งสินค้าแล้วกว่า 15 คัน เพราะแบกรับภาระต้นทุนจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ไหว ประกอบกับการจ้างงานภาคขนส่งสินค้าลดน้อยลง ทั้งยังมีการแข่งขันกับรถขนส่งสินค้าจากต่างประเทศด้วย
นายภาณุพงศ์ นนทะอุด ประธานชมรมรถบรรทุกขนส่งสินค้า จ.บุรีรัมย์ ระบุว่า จังหวัดบุรีรัมย์มีรถบรรทุกและรถบรรทุกพ่วงขนส่งสินค้าประมาณ 120 คัน แต่หลังจากได้รับผลกระทบจากการปรับราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้การจ้างงานรถบรรทุกขนส่งสินค้าลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 ส่งผลให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะที่วิ่งรับส่งสินค้าข้ามจังหวัด เช่น จ.กาฬสินธุ์ นครพนม และ จ.มุกดาหาร ทั้งประเภทบรรทุกหิน และวัสดุก่อสร้าง ไปต่อไม่ไหว จึงได้ทยอยแจ้งจอดหยุดวิ่งรับส่งสินค้าแล้ว 15 คัน เพื่อลดภาระทั้งค่าต่อทะเบียน ภาษี และประกันภัยรถยนต์ เฉลี่ยคันละ 3-4 หมื่นบาทต่อปี อีกทั้งยังมีการแข่งขันธุรกิจภาคขนส่งจากต่างประเทศอีก ด้วย
ดังนั้น การแก้ไขปัญหาควรจะแก้ทั้งเรื่องค่าน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ต้นทุนเพิ่มหรือลดลงได้ ซึ่งก็ไม่ควรจะเกินลิตรละ 30 บาท และอยากฝากให้รัฐบาลเร่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการจ้างงานในภาคธุรกิจขนส่งมากขึ้น จึงจะลดผลกระทบที่เกิดกับธุรกิจภาคขนส่งได้ แต่หากราคาน้ำมันยังสูง และไม่มีการจ้างงานภาคธุรกิจขนส่ง แนวโน้มอาจต้องมีการแจ้งจอดรถบรรทุกเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะรถบรรทุกพ่วงที่วิ่งรับส่งสินค้าข้ามจังหวัด ซึ่งปัจจุบันนี้ที่ยังพออยู่ได้ก็จะเป็นรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่วิ่งระหว่างอำเภอส่วนใหญ่