กำแพงเพชร – ยังฉาวเรื้อรัง..คืบหน้าทหารโดนหลอกซื้อบ้านที่ นส.3 ก.ทับป่าสงวนพรานกระต่าย กำแพงเพชร โดนหักเงินเดือน-เงินทอนหาย แต่อยู่ไม่ได้ ล่าสุดร้องเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น ขึ้นโรงพักแจ้งความ จนท.ผิด ม.157
ความคืบหน้า กรณี ข้าราชการทหารรวมตัวกันแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พรานกระต่าย เมื่อเดือนพฤษภาคม 67 ที่ผ่านมา ดำเนินคดีต่อนายทหารและเจ้าของโครงการ รวมทั้งกรมสวัสดิการทหารบก หลังถูกหลอกให้ซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรใน ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร มีเอกสารสิทธิ นส.3 ก. จำนวน 209 แปลง ต่อมาทราบภายหลังว่า บ้านพร้อมที่ดินดังกล่าวสร้างทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
และที่ผ่านมาเคยร้องเรียนไปหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ปี 62 แต่เรื่องเงียบหาย ที่สำคัญผู้เสียหายทั้งหมดยังต้องรับภาระผ่อนชำระค่าบ้านเป็นรายเดือน โดยถูกหักจากบัญชีแต่ละรายไม่ต่ำกว่าหมื่นบาท แต่กลับเข้าอยู่อาศัยไม่ได้แม้แต่หลังเดียว แถมเงินทอนหลังละ 1,500,000 บาท บอกคืนให้ 7 แสนก็ไม่เคยได้แม้แต่บาทเดียว
ล่าสุดนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น ได้เข้าพบ พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร เมื่อบ่ายวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานหนึ่งในกำแพงเพชร หลังมีผู้เดือดร้อนจากการซื้อโครงการบ้านจัดสรรที่ออกโฉนดทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว ร้องเรียนให้ช่วยตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินของรัฐ
พร้อมบอกว่า ทราบข้อมูลจาก ร.ท.ธนะวัฒน์ นัดดา ซึ่งได้ยื่นเรื่องร้องเรียน เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2566 ให้ช่วยตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ที่ผู้เสียหายได้รับการชักนำข้าราชการทหารให้ร่วมซื้อบ้านจัดสรรโครงการหนึ่งในพื้นที่ อ.พรานกระต่าย
แต่ผู้เสียหายกับพวกต้องถูกหักเงินเดือนจากกรมสวัสดิการทหารบก แต่ปรากฎว่าไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ หรืออยู่อาศัยได้ เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเขียว ป่าเขาสว่างและป่าคลองห้วยทราย ซึ่งการที่มีการออกเอกสารสิทธิ์ ( นส.3) ได้ เป็นการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงเชื่อว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ
และจากการตรวจสอบพบว่าการออกเอกสารสิทธิ์ที่มิชอบนั้น เชื่อว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งตนเองมีหลักฐานปรากฏตาม รายงานการประชุมคณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัดกำแพงเพชร (คพร.จังหวัด) ครั้งที่ 2/2566 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2566 จึงต้องมีผู้รับผิดชอบ
ซึ่งช่วงกลางเดือนธันวาคม 2566 ตนได้เดินทางไปตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีทางเจ้าหน้าที่รับปากว่าจะรีบดำเนินการให้ แต่จนวันนี้( 1 ส.ค.) ก็ยังไม่มีการเพิกถอนแต่อย่างใด เมื่อตนและตัวแทนผู้เสียหายเข้าไปสอบถาม กลับได้คำตอบมาเพียงว่า ยังไม่ได้ทำการเพิกถอนเท่านั้น จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตโดยมิชอบ
“กำลังพลกองทัพบกหลายสิบนาย ได้รับความเดือดร้อนจากกำลังพลเช่นเดียวกันมาหลอกขายบ้านจัดสรร ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แล้วทางกรมสวัสดิการทหารบกได้หักเงินเดือนของกำลังพลที่ซื้อบ้านทุกเดือน แต่เข้าอยู่-ใช้ประโยชน์ไม่ได้ พอร้องเรียนให้ตรวจสอบไม่มีความคืบหน้า ในสวนของการเอาที่ป่าสงวนไปออกเอกสารสิทธิ์เป็นที่ นส.3ได้ เชือว่าคนธรรมดาออกไม่ได้ ต้องมีหน่วงงานรัฐเข้าไปเกี่ยวจึงเดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เป็นห่วงจะเหมือนในกรณี จ่าคลั่งที่โคราช ซึ่งก็ถูกหลอกเหมือนกัน ถ้าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ไปหาใครไม่ได้แล้ว ถ้าเกิดเขาทนไม่ได้คลั่งขึ้นมาอีก ซึ่งตนได้ฟังแล้วไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก จึงรีบดำเนินการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและช่วยเหลือกำลังพลของกองทัพบก
