ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้สูงอายุโคราช แห่เข้า ธ.ก.ส.ให้เจ้าหน้าที่ช่วยลงทะเบียนรับสิทธิโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตคึกคัก เผยไม่กล้าลงทะเบียนเองกลัวทำไม่ถูก หวั่นไปโหลดแอปพลิเคชันหลอกลวงของพวกมิจฉาชีพ
วันนี้ (1 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยกลุ่มผู้ที่มีสมาร์ทโฟนให้ลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ถึงวันที่ 15 ก.ย. 67 ส่วนผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน หรือผู้ที่มีสมาร์ทโฟน แต่ต้องการความช่วยเหลือในการลงทะเบียน รัฐบาลได้กำหนดสถานที่จุดให้บริการวอล์กอิน สอบถามข้อมูล และให้บริการรับลงทะเบียนได้ ตามจุดบริการทั้งหมด 5,199 แห่ง ประกอบไปด้วย 1. ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ, 2. ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่งทั่วประเทศ (ยกเว้นไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ), 3. ธนาคารออมสิน จำนวน 1,047 แห่งทั่วประเทศ และ 4. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่งทั่วประเทศนั้น
ล่าสุดวันนี้ซึ่งเป็นการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ในแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เป็นวันแรก ปรากฏว่ามีประชาชนชาว จ.นครราชสีมาที่ไม่สามารถลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง เดินทางไปตามจุดให้บริการต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือกันอย่างคึกคัก
โดยเฉพาะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขานครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีประชาชนเดินทางมาขอรับบริการลงทะเบียนรับสิทธิเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทกันอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งไม่ชำนาญในการใช้สมาร์ทโฟน โดยมีเจ้าหน้าที่ของธนาคาร ธ.ก.ส.ตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนตลอดทั้งวัน ซึ่งจากการเปิดให้บริการลงทะเบียนรับสิทธิฯ ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง ปรากฏว่ามีประชาชนมาขอรับบริการแล้วกว่า 20 ราย
นายโกมินทร์ ชมภูนุช อายุ 78 ปี กล่าวว่า ตนเองอาศัยอยู่ในบ้านสองตายาย ส่วนลูกหลานไปทำงานกันหมด ไม่มีใครช่วยลงทะเบียนให้ ตนไม่กล้าที่จะลงทะเบียนเอง เพราะกลัวว่าจะทำไม่ถูก และกลัวจะไปโหลดแอปพลิเคชันหลอกลวงของพวกมิจฉาชีพ จึงได้เดินทางมาที่ ธ.ก.ส.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารช่วยลงทะเบียนให้ เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ ซึ่งขณะนี้กลงทะเบียนผ่านเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบสิทธิเท่านั้น
ทั้งนี้ ตนคิดว่าโครงการนี้สามารถช่วยเหลือลดค่าครองชีพได้เป็นอย่างมากในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากข้าวของทุกอย่างแพงขึ้น และตนเองอายุมากแล้ว ไม่ได้มีอาชีพอะไร มีเพียงเงินอุดหนุนผู้สูงอายุ และเงินจากลูกหลานที่ส่งให้ใช้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ดังนั้นถ้าได้เงินดิจิทัล 10,000 บาทจากโครงการนี้มาช่วยจะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยได้นำไปซื้อของใช้อุปโภคบริโภคประจำวันได้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี จึงขอขอบคุณรัฐบาลที่มีนโยบายดีๆ เช่นนี้มา ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม