จันทบุรี- "ธรรมนัส" นำคณะลงพื้นที่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในภาพรวมทั้งจังหวัด พร้อมมอบถุงยังชีพผู้ประสบอุทกภัย ขณะฝนหนักช่วง 27-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำน้ำท่วมฉับพลันใน 4 อำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อน 9,130 ราย พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 41,222 ไร่
วันนี้ (29 ก.ค. ) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำคณะลงพื้นที่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี เพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจากภาวะน้ำล้นตลิ่งเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย โดยมี นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์ภาพรวมทั้งจังหวัด ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ม.4 บ้านนาไทร ต.ปัถวี
โดยศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดจันทบุรี รายงานว่า ขณะนี้ได้ติดธงแดงที่แม่น้ำจันทบุรี เพื่อแจ้งตือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำให้เฝ้าระวังและยกสิ่งของขึ้นที่สูง หลังมวลน้ำเริ่มส่งผลกระทบต่อชุมชนลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางส่วนแล้ว เช่น บ้านลุ่มหัวแหลม พื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองฝั่งจันทนิมิตร และคลองขี้หนอน
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ด้านนอกทั้ง อ.ขลุง มะขาม เขาคิชฌกูฏ นายายอาม และ อ.ท่าใหม่ ทำให้สวนผลไม้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่ง จ.จันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง อบจ.จันทบุรี หน่วยงานท้องถิ่น หน่วยงานท้องที่ อาสาสมัครกู้ภัยสว่างกตัญญู ทหาร และตำรวจได้เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบเพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ประชาชนแล้ว
ขณะที่การสรุปสถานการณ์อุทกภัยใน จ.จันทบุรี ที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมและร่องฝนจากความกดอากาศต่ำที่พัดพาดผ่านตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค.เป็นต้นมา รวมทั้งภาวะฝนตกหนักระหว่างวันที่ 21-24 ก.ค.นี้ที่มีฝนตกหนักสะสมต่อเนื่องน้ำในรอบ 24 ชั่วโมงมากกว่า 150 มิลลิเมตร จนเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำเอ่อล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังรอการระบายในพื้นที่ทั้ง 4 อำเภอ คือ อ.มะขาม ขลุง เขาคิชฌกูฏ และ อ.เมือง
ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 6 ตำบล 31 หมู่บ้าน 578 ครัวเรือน 1,841 ราย ถนนชำรุด 1 เส้น ฝ่ายน้ำล้น 1 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตรกว่า 26,000 ไร่ได้รับความเสียหายและมีทุเรียนโค่นล้มกว่า 300 ต้น
ส่วนภาวะฝนตกหนักระหว่างวันที่ 27-28 ก.ค.ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำฝนสะสมในรอบ 24 ชั่วโมงมากกว่า 340 มิลลิเมตร โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.มะขาม เมืองจันทบุรี ขลุง และ อ.โป่งน้ำร้อน จนทำให้มวลน้ำจำนวนมากหลากเข้าท่วมฉับพลันใน 4 อำเภอ ส่งผลกระทบต่อประชาชนรวม 16 ตำบล 74 หมู่บ้าน 7 ชุมชน 33,397 ครัวเรือน 9,130 ราย พื้นที่ทางการเกษตรได้รับผลกระทบกว่า 41,222 ไร่
แต่ในปัจจุบันสถานการณ์รอบนอกได้เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติในหลายพื้นที่แล้ว แต่ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจเมืองจันทบุรี และพื้นที่ริมแม่น้ำจันทบุรี ที่ต้องเปลี่ยนธงสัญลักษณ์เป็นสีแดง เพื่อการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำจันทบุรี ลดความสูญเสีย ลดผลกระทบ