xs
xsm
sm
md
lg

ตร.คุมตัว พ.ต.ท.แก๊งคอลเซ็นเตอร์สอบปากคำเพิ่ม-ผู้การเชียงใหม่ยันหลักฐานชัด ซัดรู้ว่าผิด กม.ยังทำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่-รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ คุมตัว พ.ต.ท.บัณฑิต ผู้ต้องหาพัวพันแก็งคอลเซ็นเตอร์ สอบปากคำเพิ่มเติม ขณะที่ผู้ต้องหาเองยังไม่เปิดปากกับสื่อรับหรือไม่รับ ด้านผู้การเชียงใหม่ยืนยันมีพยานหลักฐานในการออกหมายจับ เป็นตำรวจรู้ว่าผิดกฎหมายแต่ยังทำอยู่


รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า หลังจากที่เมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้(20 ก.ค.67) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือกได้คุมตัว พ.ต.ท.บัณฑิต คนการ สารวัตร อก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับ พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาคุมขังไว้ที่ สภ.ช้างเผือก ซึ่งทำกันเป็นขบวนการ ลูกสาว พ่อ และเพื่อนลูกสาว หลังจากคืนที่ผ่านมาได้ไปติดตามจับกุมตัวได้ที่ วัดแห่งหนึ่งในอำเภองาว จ.ลำปาง ขณะที่กำลังบวช โดยได้นำไปให้พระเจ้าอาวาสสึกก่อนจะควบคุมตัวมาดำเนินคดี

ช่วงสายวันนี้(20 ก.ค.67) สภ.ช้างเผือก พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาสอบปากคำ พ.ต.ท.บัณฑิต คนการ ผู้ต้องหา เพิ่มเติม ในช่วงที่นำตัวขึ้นไปสอบสวน พ.ต.ท.บัณฑิต ยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด ทางสื่อมวลชนพยายามสอบถาม ว่าจะให้การรับหรือปฏิเสธ หรืออยากจะพูดอะไรผ่านทางสื่อ ก็ยังไม่มีการพูดอะไรออกมา และในช่วงสายของวันนี้ทาง พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะมาติดตามความคืบหน้าของคดีด้วยตัวเอง

ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ลูกสาวของ พ.ต.ท.บัณฑิต เป็นผู้รับว่า ได้รับการติดต่อจากเครือข่าวคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในฝั่งประเทศพม่า เพื่อหาจุดติดตั้งซิมบ๊อกซ์ โดยลูกสาวได้มาขอให้พ่อ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หาสถานที่ ช่วยขนเครื่อง และช่วยติดตั้งตามจุดต่างๆ ซึ่งเลือกเช่าเป็นอาคารชุดของโครงการบ้านเอื้ออาทร หลายพื้นที่ ในการติดตั้ง และอำพราง โดยผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจอยู่แล้วจะต้องรู้ว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายแต่ก็ยังไปทำทางตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายจับจนนำไปสู่การจับกุมตัวเพื่อมาดำเนินคดีในวันนี้

โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างขยายผลถึงผู้ร่วมการบวนการเพื่อออกหมายจับทั้งผู้ที่สั่งการ ผู้ที่ร่วมขบวนการลักลอบนเครื่องซิมบ๊อกซ์เข้าไทย น่าจะมีอีก 3-4 คน ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งออกหมายจับเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างในการประพฤติตน ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยขึ้นมาเพื่อสอบสวน ส่วนการให้ออกราชการก็จะเป็นขั้นตอนต่อไปตามระเบียบวินัยของราชการ เท่าที่ดูข้อมูลตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นเข้ามามีส่วนพัวพันเกี่ยวข้อง ถือเป็นความผิดเฉพาะตัว โดยผู้ที่เกี่ยวข้องหลักยังเป็นตัวลูกที่เป็นผู้ติดต่อแก็งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน นอกจากนี้จะขยายผลติดตามเรื่องของการสื่อสาร และเส้นทางการเงินเพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น