มหาสารคาม - ตามจับได้แล้วโจรมักน้อย หลังก่อเหตุขับเก๋งมาชิงทองที่ร้านทองใน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ได้ทองเป็นต่างหู 2 คู่ น้ำหนักแค่ครึ่งสลึง อ้างจะเอาไปฝากแฟน สุดท้ายถูกตำรวจตามรวบตัวได้ที่ อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด
วันนี้ (19 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม นำโดย พ.ต.อ.ชัชชัย ไหมวันทา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพยัคฆภูมิพิสัย พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมภพ ปาปะใน รอง ผกก.สืบสวน สภ.พยัคฆภูมิพิสัย ชุดสืบสวน สภ.พยัคฆภูมิพิสัย และชุดสืบสวน สภ.ปทุมรัตต์ นำตัวนายโชคชัย เกตุมาชม อายุ 30 ปี ชาวบ้าน ต.หนองแคน อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
หลังก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ประกอบด้วยตุ้มหูทอง 2 คู่ จากร้านทองสมพิศ ต.ปะหลาน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม โดยเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บริเวณฝายเก็บน้ำ พื้นที่อำเภอปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เมื่อเวลา 12.14 น. คนร้ายได้ขับรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน อัลเมรา สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดที่หน้าร้านทองสมพิศ ก่อนที่คนร้ายจะลงจากรถ ตำหนิรูปพรรณคนร้าย สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีเหลือง กางเกงขายาวสีเหลือง ใส่รองเท้าแตะเดินเข้าไปในร้าน มาขอดูต่างหูทอง โดยคนร้ายอ้างกับคนขายว่าจะซื้อทองเอาไปง้อแฟน
ทางร้านได้หยิบต่างหูให้ดูสองคู่ เป็นทอง 1 คู่ อีกคู่เป็นรูปหัวใจประดับเพชร ซึ่งขณะที่ทางเจ้าของร้านจะหยิบทองให้ดูอีก 1 คู่ ก็ปรากฏว่าคนร้ายคว้าต่างหูทั้งสองคู่ วิ่งหนีออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทางเจ้าของร้านจะแจ้งตำรวจ
พ.ต.อ.ชัชชัย ไหมวันทา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพยัคฆภูมิพิสัย กล่าวว่า ภายหลังจากได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามแกะรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิด พบว่าหลังก่อเหตุคนร้ายขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหัวหมู คาดว่าน่าจะหลบหนีไปยังพื้นที่ อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด จึงได้ประสานข้อมูลกับทาง สภ.ปทุมรัตต์ จนพบรถยนต์ต้องสงสัยมีลักษณะคล้ายกับรถที่ก่อเหตุ
คือมีสติกเกอร์คำว่า อัลเมร่าสายคลอง มิตรภาพที่บนท้องถนน No.24 บริเวณกระจกหลัง ล้อรถเป็นล้อแม็กตรงตามที่ปรากฏในภาพวงจรปิด จึงได้ไล่ติดตามและสกัดจับกุม โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง และได้พาเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นหาเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุและทรัพย์สิน เป็นต่างหูที่ได้วิ่งราวไป ก่อนจะนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทองในอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ซึ่งทองที่คนร้ายชิงไปมีมูลค่าประมาณ 9,000 บาท และจากการตรวจหาสารเสพติดก็พบว่าผู้ต้องหามีฉี่ม่วง
นายโชคชัย เกตุมาชม ผู้ต้องหา กล่าวว่าเลือกที่จะก่อเหตุชิงทองที่ร้านทองร้านนี้ เพราะว่าตั้งอยู่ที่เปลี่ยว พอขโมยเสร็จก็จะขับรถหนีไปทาง อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ดได้เลย ทองที่ได้จะเอาไปขายนำเงินใช้จ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าทำไมเอาไปน้อยจัง ผู้ต้องหาตอบว่าอยากได้เพียงแค่นี้ ตอนเข้าไปในร้านก็บอกกับเจ้าของร้านว่ามาซื้อทองจะเอาไปง้อแฟน แต่จริงๆ เลิกกับแฟนไปแล้ว เลยไปขอดูต่างหู 2 ลาย แล้วก็ขโมยวิ่งออกจากร้าน
เงินที่ได้เอาไปใช้จ่าย ขายต่างหูได้ 1 คู่ ราคา 700 บาท อีก 1 คู่ขายไม่ได้เพราะมีเพชรประดับ เอาเงินไปเติมน้ำมัน 300 บาท ซื้อข้าวกิน 100 บาท ให้เงินเด็กไปโรงเรียน 200 บาท เหลือเก็บไว้ 100 บาท ตอนนี้สำนึกผิดแล้วอยากขอโทษทางร้านด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวคนร้ายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เริ่มตั้งแต่ขับรถวนดูลาดเลาที่หน้าร้าน จากนั้นขับรถไปจอดที่จอดรถของศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ตรงข้ามร้าน ก่อนที่จะขับรถเข้ามาก่อเหตุชิงทอง
ด้านนางสมพิศ เจริญสุข เจ้าของร้านทองผู้เสียหาย กล่าวว่า ตอนที่คนร้ายเข้ามาก่อเหตุ ก็มาถามว่ามีสร้อยคอมั้ย 2 สลึง จะเอาไปง้อแฟน พอดีวันนั้นฝนตกทั้งวันประกอบกับตนเองอยู่กับสามี เป็นคนแก่แค่ 2 คน ก็เลยไม่ได้เอาถาดทองที่เป็นสร้อยคอออกมา ก็จะมีแต่ถาดทองที่อยู่ด้านหน้าเป็นทองเล็กๆ น้อยๆ คนร้ายก็ขอดูต่างหูรูปหัวใจ
พอคนร้ายสบโอกาสก็คว้าทองแล้ววิ่งออกจากร้านไป ตอนนั้นก็ตกใจ ถามแฟนว่าทองเราไปไหน แฟนก็บอกว่าเขาเอาไปแล้ว ตอนนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ออดเรียกตำรวจก็มีก็ไม่กด เบอร์โทร.ก็มี ก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้เอะใจ ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้ายด้วยซ้ำ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยที่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 วัน
ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา วิ่งราวทรัพย์ และนำตัวผู้ต้องหาส่ง ร.ต.อ.อำพล ป้องชารี รองสารวัตรสอบสวน สภ.พยัคฆภูมิพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป