ลำปาง - สวนทุเรียนเอกอำไพ ใหญ่สุดของลำปาง เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าชม ชิม ชอป พร้อมเผยเทคนิคปลูกทุเรียนสายน้ำแร่ลึก 180 เมตร ดกจนต้องตัดทิ้งบางส่วน ล่าสุด “มูซังคิง กก.ละ 400-กบใต้น้ำ กก.ละ 2,000” โดนจองเกลี้ยง หมอนทองตัดได้ไม่ป้ายยา
สวนทุเรียนเอกอำไพ พื้นที่กว่า 370 ไร่ ตั้งอยู่ที่บ้านค่ากลาง ต.บ้านค่า อ.เมืองลำปาง เป็นสวนผสม มีทั้งเงาะ มะม่วง มะนาว น้อยหน่า ส้มโอ และสวนทุเรียน ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในลำปาง ขณะนี้กำลังคึกคัก หลังทางสวนฯ เปิดรับนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปนั่งรถรางชม-ชิม-ชอป ตั้งแต่ 15 ก.ค.เป็นต้นมา
นายเอกภพ บุญญาภาพ ศิษย์เก่า ม.แม่โจ้ เจ้าของสวนเอกอำไพ เล่าว่า ตนศึกษาและเรียนรู้ด้านการเกษตรมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ หลังจากเรียนจบก็ได้ทำงานด้านเกษตรมาตลอด ประกอบกับพ่อมีที่ดินกว่า 370 ไร่ จึงเข้ามาเริ่มบุกเบิกเมื่อปี 2557 เริ่มจากการปลูกมะละกอ ได้ผลผลิตดีในปีแรกได้ถึง 15 ตัน แต่ขาดทุนเพราะขายผ่านพ่อค้าคนกลาง ยังไม่รู้เรื่องการตลาด ปีต่อมาจึงปลูกส้มสายน้ำผึ้ง แต่ก็เจอปัญหาเรื่องอากาศร้อนทำให้ผลร่วง ก่อนนำผลไม้ต่างๆ มาปลูก แบบให้ผลผลิตเก็บขายสร้างรายได้หมุนเวียนตลอด
กระทั่งปี 2561 ตัดสินใจปลูกทุเรียน มาตรฐานเกษตรปลอดภัย GAP บนเนื้อที่ราว 22 ไร่ โดยซื้อต้นกล้ามาจากจังหวัดระยอง และจันทบุรี จำนวน 500 ต้น มีพันธุ์ กบใต้น้ำ มูซังคิง และหมอนทอง แม้ว่าลำปางได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศโหดสุดก็ตาม แต่ด้วยสายน้ำแร่ใต้ดินลำปางที่เจาะลงไปลึกถึง 180 เมตร มีสารอาหารหลายอย่าง จึงทำให้ทุเรียนที่ปลูกรสชาติดี เนื้อแน่น ละเอียด เม็ดเล็ก
“น้ำแร่ใต้บาดาลลำปางที่ขุดลึกลงไปถึง 180 เมตรนั้น เมื่อสูบขึ้นมาแล้วต้องนำมาพักในบ่อก่อนนำไปรด น้ำที่นี่จะมีแร่ธาตุที่มีผลต่อต้นผลไม้ ทำให้เนื้อแห้งฟูเม็ดเล็กและมีคุณภาพที่ดี ทุกขั้นตอนเจ้าของสวนลงมือทำเอง มีสูตรเฉพาะที่สามารถทำให้ผลทุเรียนเป็นรูปแบบไหนก็ได้ ทั้งทรงยาวหรือกลม ลูกขนาดไหนก็ได้ เพราะทดลองทำมาแล้ว”
หลังใช้เวลาปลูกเพียงสามปีครึ่งก็ได้ผลผลิตในปีแรกแล้วถึง 6 ตัน และเมื่อทุเรียนอายุ 4 ปีครึ่ง ซึ่งเป็นปีที่สอง ได้ผลผลิตเพิ่มเป็น 17 ตัน และปีนี้ปีที่สาม ทุเรียนอายุได้ 5 ปีครึ่ง บางต้นออกลูกถึง 2,000 ลูก ซึ่งจะคัด-ตัดให้เหลือแค่ต้นละ 30-40 ลูก บางลูกใหญ่ขนาด 10 กิโลฯ เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3 กิโลฯ ต่อลูก ทำให้คาดว่าจะได้ผลผลิตมากถึง 30 ตัน
โดยทุเรียนกบใต้น้ำที่นำมาปลูกเป็นพันธุ์ที่มีราคาแพง ขายได้กิโลกรัมละ 2,000 บาท และเมื่อมีผลผลิตก็มีคนมาจับจองกันหมดเพราะมีเนื้อที่นุ่มละมุน เม็ดเล็ก หวานมันอร่อย ส่วนมูซังคิงปลูกจำนวน 50 ต้น ผลผลิตปีนี้ออกน้อย ขายในกิโลกรัมละ 400 บาท ขณะนี้ก็มีคนจับจองหมดเป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่หมอนทอง ปลูกจำนวนมากสุด ผลผลิตเยอะ ขายในราคากิโลกรัมละ 260 บาท ตัดหน้าสวนไม่ป้ายยาเร่งสุก ทุกลูกจะมีประวัติจะตัดก็ต่อเมื่อมีอายุ 120 วันเท่านั้น เพราะจะทำให้มีคุณภาพสุกเต็มที่หวานอร่อย
