เชียงใหม่ - สองตายายเจ้าของสวนในอำเภอสันป่าตอง พร้อมชาวบ้าน รวมตัวชูป้ายหน้าศาลากลางเชียงใหม่พร้อมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม หลังที่ดินมีโฉนดพื้นที่เกือบ 4 ไร่ถูกฟาร์มไก่ฮุบโดยอ้างสิทธิครอบครองปรปักษ์ โค่นทิ้งต้นไม้ ถมบ่อน้ำและล้อมรั้วเรียบร้อย ทั้งร้องเรียนทั้งแจ้งความยังไม่มีอะไรคืบ
วันนี้ (17 ก.ค. 67) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายสมบุญ กิจเศรณี อายุ 75 ปี และนางสาวศิริพร ศิริกุลกิจไพศาล อายุ 61 ปี สองสามีภรรยา พร้อมด้วยชาวบ้านกว่า 20 คน ในตำบลมะขุนหวาน อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวชุมนุมถือป้ายและยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ช่วยเหลือ หลังจากได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการถูกนายทุนเจ้าของฟาร์มไก่รายใหญ่ในพื้นที่ตำบลมะขุนหวานฮุบที่ดินสวนลำไย 3 ไร่ 94 ตารางวาไป โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 67 เคยร้องเรียนและประท้วงหน้าฟาร์มไก่มาแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าและได้รับความเป็นธรรมใดๆ
ทั้งนี้ นายสมบุญ กิจเศรณี เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของตน ซึ่งปลูกลำไย มะม่วง และทำบ่อปลาไว้ ทุกปีตนก็เข้าไปดู แต่หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับลำไยราคาตกต่ำ ตนจึงไม่ได้เข้าไปดู 2-3 ปี ซึ่งครั้งแรกกลับไปดูเห็นต้นลำไยถูกตัดโค่น แต่ยังไม่ทันได้เอะใจและคิดว่าชาวบ้านตัดไปทำฟืน แต่หลังจากนั้นอีกไม่นาน กลับไปดูอีกรอบพบว่าบ่อปลาถูกถมไปจึงได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรสันป่าตอง ซึ่งเรื่องกำลังอยู่ในกระบวนการกฎหมาย แต่ครั้งล่าสุดพบว่านายทุนเจ้าของฟาร์มไก่ได้ล้อมรั้วที่ดินทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้ตนและแม้กระทั่งพนักงานรังวัดที่ดินยังไม่สามารถเข้าไปรังวัดที่ดินได้เพราะหากเข้าไปในพื้นที่จะถูกนายทุนฟ้องข้อหาบุกรุก ซึ่งตนเป็นเพียงผู้สูงอายุคนหนึ่งที่ไม่รู้กฎหมาย ทั้งๆ ที่มีโฉนดครุฑแดงอยู่ในมือแท้ๆ แต่กลับถูกอ้างครอบครองปรปักษ์ จึงมองว่าเรื่องนี้ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม และอยากวิงวอนขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือนำที่ดินของตนเองกลับคืนมาด้วย
โดยที่ผ่านมาเคยเห็นแต่ข่าวที่อื่นไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง แต่พอมาทราบเรื่อง ตนก็ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสันป่าตองเพื่อให้ดำเนินคดีเจ้าของฟาร์มไก่และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้แล้ว และดำเนินคดีต่อผู้บริหารจำนวน 4 ราย และนิติบุคคลคือบริษัทของฟาร์มไก่ดังกล่าว 1 ราย รวมเป็น 5 ราย แต่ภายหลังจากดำเนินการแจ้งความแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินจะเข้าไปทำการรังวัดเพราะที่ดินของตนมีโฉนดถูกต้อง และมีการเสียภาษีที่ดินทุกปี แต่ปรากฏว่ากลับไม่สามารถเข้าไปดำเนินการรังวัด ทำให้ตนสูญเสียรายได้ รวมทั้งต้นลำไย ต้นมะม่วง ที่ปลูกไว้ก็ถูกตัดหมด บ่อปลาที่มีอยู่ก็ถูกถม และเข้าไปในที่ดินตนเองไม่ได้เพราะฟาร์มไก่ล้อมรั้วไว้หมด ทำให้ตนและครอบครัวจึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเป็นแค่ชาวบ้าน แต่ทางคู่กรณีเป็นถึงบริษัทใหญ่ จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรม
พร้อมกันนี้ ทางด้านคดีมีการตรวจสอบภาพจากดาวเทียม ตั้งแต่ปี 55 เป็นต้นมา พบว่าที่ดินดังกล่าวยังเป็นสวน มีบ่อปลาอยู่ แต่หลังจากนั้นพบว่ามีการเปลี่ยนแปลง มีการก่อสร้าง ช่วงแรกไม่ทราบว่าเป็นของเอกชน กระทั่งทางผู้เสียหายมาแจ้งความถึงได้ทราบว่าเป็นที่ของเอกชน มาตั้งบริษัททำฟาร์มไก่ ส่วนอีกคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทางผู้เสียหายจะแจ้งความเรื่องลักทรัพย์ เนื่องจากป้ายไวนิลที่ติดไว้ถูกรื้อถอนและนำไป ซึ่งในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามกฎหมาย และเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา และให้ทางคู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ทางตัวแทนศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องไว้ตรวจสอบและจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนต่อไป
