ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจหนองเรือเฝ้าผู้ต้องหาก่อเหตุฟันคอตาขาด หลังสอบปากคำแล้วเกิดอาการเครียดอยากฆ่าตัวตายตาม ขณะผู้ต้องหาให้การอ้างไม่รู้อะไรดลใจเดินไปคว้ามีดอีโต้ฟันคอตาจากด้านหลัง 2 ทีจนคอตาขาด รู้ตัวแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่ สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.ประทีป ปัญโญวัฒน์ ผกก.สภ.หนองเรือ กล่าวว่า หลังจากคุมตัวนายธีรภัทร หรือไอซ์ ชัยอาจ อายุ 23 ปี ชาวบ้านนาคำ ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ที่ก่อเหตุใช้มีดปาดคอ นายสาย ชัยอาจ อายุ 86 ปี ชาวบ้านนาหว้า ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นตาแท้ๆ เสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้ภายในที่นาคุณตา พื้นที่บ้านป่าเสี้ยว ต.บ้านเม็ง ช่วงเย็นวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เข้าห้องควบคุมสภ.หนองเรือ ได้ตรวจหาสารเสพติดในร่างกายผู้ต้องหาแต่ไม่พบสารเสพติด ซึ่งจะต้องให้แพทย์ทำการตรวจเลือดซ้ำ เนื่องจากมีข้อมูลจากพยานแวดล้อมว่าผู้ต้องหาพัวพันกับยาเสพติด แต่ยังตรวจไม่พบจึงต้องตรวจซ้ำ
ส่วนของการสอบสวนนั้น ตำรวจสอบสวนพยานแวดล้อมและบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้ต้องหา รวมถึงสอบสวนมารดาผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทราบประวัติผู้ต้องหาจากแม่นายธีรภัทรว่าลูกชายมีอาการทางจิตเวชมาตั้งแต่เด็กแล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากปัญหาครอบครัว เพราะพ่อแม่แยกทางกัน แต่ก็ส่งลูกเรียนหนังสือจนจบชั้นม.3 จากนั้นก็พาลูกชายรักษาอาการทางจิตมาโดยตลอดและพักอาศัยอยู่ด้วยกัน
แม่นายธีรภัทรไม่ได้พูดถึงการติดยาเสพติดของลูกชาย แต่ยืนยันว่าลูกชายอาศัยอยู่ที่บ้านที่อยู่ในที่นาบริเวณเดียวกับกระท่อมนาของตา ช่วยตาเกี่ยวหญ้าเลี้ยงควาย ตัดหญ้าในนา ทำไร่อ้อย และไม่เคยมีอาการผิดปกติ จนกระทั่งก่อเหตุนี้ขึ้นโดยไม่มีอะไรเตือนมาก่อน
พ.ต.อ.ประทีปกล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุแม่ไม่ได้ไปนา 4 วัน มีเพียงพ่อเลี้ยงที่ไปนาทุกวัน เอาข้าว เอาอาหารไปส่งให้ลูกชายกับพ่อตาทุกวัน ซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติ และไม่มีใครสังเกตได้ว่าลูกชายจะก่อเหตุฆ่าตาตัวเอง จากการสอบสวนเบื้องต้นหลังคุมตัวได้แล้วนั้น ผู้ต้องหาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดว่าตนเดินไปมาในบริเวณกระท่อมนาของตา ก็เห็นตานั่งอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งไม่ได้คุยกัน มองไปอีกที ก็เห็นตานั่งหลับ
ไม่รู้มีอะไรดลใจให้หยิบมีดอีโต้ที่วางอยู่ในกระท่อมฟันไปที่คอของตาขณะนั่งหลับ ฟันไป 2 ครั้ง คอตาก็ขาด จากนั้นไม่รู้จะทำอะไรต่อ จึงหิ้วศีรษะตาเดินไปหาพ่อเลี้ยงที่บ้าน แต่ยังไม่ถึง จึงวางศีรษะตาไว้บนแคร่ กระทั่งพ่อเลี้ยงเดินมาพบ และบอกให้นำศีรษะไปคืนตา จึงเดินเอาไปวางไว้บนตักตา
ช่วงถูกสอบสวนซ้ำ ผู้ต้องหาก็เล่าให้ฟังเหมือนเดิม แต่ในครั้งนี้ผู้ต้องหามีอาการเศร้า เสียใจ และมีอาการสำนึกผิด โดยบอกว่าเสียใจ ไม่อยากอยู่แล้ว อยากตายตามตาไป ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นอาการของผู้ต้องหาเช่นนี้จึงประสานแพทย์จิตเวชมาตรวจอาการของผู้ต้องหาและจัดเวรยามเฝ้าตลอดเวลา เพราะเกรงผู้ต้องหาคิดสั้น และเปลี่ยนเวลาส่งศาลเป็นช่วงเช้าวันที่ 5 ก.ค. 2567