ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 2 บุกทลายเครือข่ายแก๊งตระเวนลักแบตเตอรี่สำรองเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ยึดของกลางกว่า 100 ลูก มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท รวบผู้ต้องหา 7 รายดำเนินคดี
เมื่อเวลา 11.00 วันนี้ (24 มิ.ย.) พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2 และนายสมชาย นาคราช หัวหน้าแผนกงานปฏิบัติการด้านเทคนิค - ภาคตะวันออก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายแก๊งตระเวนลักแบตเตอรี่สำรองเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
โดยมีผู้ต้องหา 7 ราย ประกอบด้วย นายอัศวิน นายอิบรอฮีม นายนาวิน นายรุ่งอนัน นายศราวุธ นายปริวัฒน์ และนายวีระวุฒฺ ที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม พร้อมของกลางเป็นแบตเตอรี่รวม จำนวน 114 ลูก
การจับกุมดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากที่ ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 2 ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายตระเวนลักทรัพย์
เป็นแบตเตอรี่ (ลิเธียม) ที่ติดตั้งกับเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด (เอไอเอส) ในหลายท้องที่ของภาคตะวันออกในห้วงระยะเวลาตั้งแต่ 1 ม.ค.2566 ถึงปัจจุบัน
โดยได้ตระเวนก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกว่า 150 ครั้ง ได้ทรัพย์สินเป็นแบตเตอรี่ไม่ต่ำกว่า 300 ลูก ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งคนร้ายจะเลือกก่อเหตุในพื้นที่ห่างไกลและไม่มีกล้องวงจรปิด
ซึ่งจากแผนประทุษกรรมการก่อเหตุพบว่าคนร้ายเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับระบบเสาสัญญาณโทรศัพท์เป็นอย่างดี จึงคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่เคยประกอบอาชีพเกี่ยวกับการติดตั้งระบบในเสาสัญญาณโทรศัพท์มาก่อน
พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวว่า แบตเตอรี่ลิเธียมที่ได้ทำการติดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ มีไว้สำหรับเป็นกระแสไฟฟ้าสำรองกรณีหากมีเหตุไฟฟ้าดับ แบตเตอรี่จะทำงานจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เสาสัญญาณโทรศัพท์ทำให้ประชาชนที่มีพื้นที่การใช้งานบริเวณเสาสัญญาณนั้นๆ ยังสามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารได้ บริษัทจึงต้องใช้แบตเตอรี่ลิเธียมที่มีกำลังวัตต์สูง
เพื่อสำรองกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอที่จะทำให้สัญญาณโทรศัพท์ไม่ขัดข้องในกรณีที่ไฟฟ้าดับ โดยในเสา 1 ต้น จะติดตั้งประมาณ 2-3 ลูก ราคาอยู่ที่ประมาณลูกละ 40,000 บาท แต่คนร้ายได้กระทำกันเป็นขบวนการ
หลังจากที่คนร้ายได้ทำการลักทรัพย์แบตเตอรี่แล้ว จะรีบนำไปส่งขายให้กลุ่มรับซื้อของโจร ในราคาลูกละ 5,000-8,000 บาทเท่านั้น แล้วนำไปลงขายโซเชียลตลาดมืด 12,000-14,000 บาท การกระทำของผู้ลงมือและตัวกลางรับซื้อเป็นความผิดฐานลักทรัพย์/รับของโจร ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึง 5 ปี
และหากมีพฤติการณ์ลักทรัพย์อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ หรือรับของโจร เฉพาะที่เกี่ยวกับการช่วยจำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด
ซึ่งทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการค้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงินอีกส่วนหนึ่ง ต้องระวางโทษตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะถูกดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์ในส่วนตัวกลางรับซื้อ รับจำหน่าย ได้มีการอายัดบัญชีไว้แล้วกว่า 1,000,000 บาท และจะถูกดำเนินคดีทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
