บุรีรัมย์ - สุดสะเทือนใจ สาววัย 23 หนีออกจากบ้านเช่าไปขอความช่วยเหลือ ทนไม่ไหวถูกแม่แท้ๆ บังคับขายบริการให้ “ไอ้เฒ่า” เจ้าของห้องเช่านับ 10 ครั้งหาเงินจ่ายค่าเช่า ซื้อยาบ้าเสพ ไม่ทำถูกใช้ท่อแป๊ปตี ธูปไฟจี้ จับหัวโขกพื้น ซ้ำถูกคนซื้อบริการใช้โซ่ล่าม เฆี่ยนตีบีบคอหากขัดขืน ผอ.มูลนิธิเผยเรื่องราวสุดช้ำตอนอายุ 12 ปีเคยถูกพ่อแท้ๆ กระทำชำเรามาแล้ว ด้านทนายอั๋นเตรียมพาเข้าแจ้งความ
วันนี้ (5 มิ.ย. 67) ได้เกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนใจ เมื่อ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ได้หนีออกจากบ้านเช่าหลังหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ ไปขอความช่วยเหลือจาก นายวรุต ขำเอนก ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อให้โอกาส ที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยเธอเล่าทั้งน้ำตาว่าทนไม่ไหวที่ถูกแม่แท้ๆ บังคับให้ไปนอนกับชายสูงอายุ ซึ่งเป็นเจ้าของห้องเช่าแลกกับเงินครั้งละ 200-1,000 บาท เพื่อที่แม่จะเอาเงินดังกล่าวไปจ่ายค่าเช่าห้อง และซื้อยาบ้าเสพ หากเธอไม่ยอมทำตามที่แม่บังคับก็จะถูกแม่ทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ท่อพีวีซีตีตามแขน ขา หลัง ทั้งใช้ธูปที่จุดไฟจี้ตามร่างกาย บางครั้งก็จับศีรษะโขกกับพื้นจนแตก จนต้องจำใจยอมทำตามที่แม่บังคับมาตลอดรวมประมาณ 10 ครั้ง แล้วเวลาที่เธอดิ้นขัดขืนไม่อยากร่วมหลับนอนกับเฒ่าเจ้าของห้องเช่าคนดังกล่าวก็จะถูกใช้โซ่ล่ามเอาไว้ บางครั้งใช้โซ่เฆี่ยนตี และบีบคอ ล่าสุดถูกกระทำเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 67 ที่ผ่านมา จนเธอรับไม่ไหวทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ จึงตัดสินใจหนีออกไปขอความช่วยเหลือ
น.ส.เอยังพูดทั้งน้ำตายด้วยว่า เธอรักแม่มาก ที่ผ่านมา ออกหาเก็บของเก่าไปขายเพื่อเอาเงินไปให้แม่ไว้ซื้อกับข้าว จ่ายค่าห้องเช่า แต่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาแม่เริ่มบังคับให้ตนไปนอนกับเจ้าของห้องเช่าเพื่อแลกกับเงิน เพราะแม่บอกว่าไม่มีค่าเช่าห้องตนจำใจต้องทำเพราะสงสารแม่ แต่แม่บังคับอีกหลายครั้งเพราะอยากเอาเงินไปซื้อยาบ้าเสพ พอตนปฏิเสธไม่อยากทำแม่ก็ใช้ท่อแป๊ปทุบตีจนตนทนไม่ไหวอีกแล้ว อยากให้แม่ไปบำบัดรักษา และอยากให้เอาผิดเจ้าของห้องเช่าที่ข่มขืนตนเองด้วย
ด้าน นายวรุต ขำเอนก ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อให้โอกาส กล่าวว่า ตอนที่น้องอายุประมาณ 12 ปีเคยถูกพ่อแท้ๆ กระทำชำเรา ทางมูลนิธิฯ จึงได้รับน้องไว้อยู่ในความดูแล จนกระทั่งน้องอายุเกิน 18 ปี แม่จึงรับไปอยู่ด้วย กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 67 ที่ผ่านมาน้องได้มาขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิฯ โดยบอกว่าแม่แท้ๆ บังคับให้ไปให้ชายอื่นข่มขืนเพื่อแลกกับเงิน เลยให้การช่วยเหลือเป็นที่พักชั่วคราวในเบื้องต้นเพื่อจะหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป โดยเบื้องต้นต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบว่าเรื่องราวที่น้องเล่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งหากแม่ได้กระทำตามที่ลูกให้ข้อมูลจริง ต้องช่วยเหลือตามกระบวนการขั้นตอน
ขณะที่ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ เตรียมพาเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมประสานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้าให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไปด้วย