xs
xsm
sm
md
lg

พระลักพระ! ตร.รวบคาผ้าเหลือง ที่แท้พระสงฆ์ตระเวนลักพระพุทธชินราชวัดดังพิษณุโลก พบซุกเศียรพระโบราณซ้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก - ตำรวจรวบคาผ้าเหลือง พระสงฆ์แท้ๆ ตระเวนลักพระพุทธรูป 3 วัดดังเมือง เน้นฉกพระพุทธชินราชเป็นหลัก เพราะขายคล่อง-เซียนพระต้องการ อ้างจะนำเงินไปซ่อมรถ ผกก.เมืองเผยผู้ต้องหาบวชๆ สึกๆ อ้างเพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่พบซุกเศียรพระโบราณอีก 2 เศียร



วันนี้ (5 มิ.ย.) พล.ต.ต.นิคม เครือนพรัตน์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันแถลงข่าวที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก กรณีจับกุมนายบุญเชิด กลิ่นแย้ม อายุ 59 ปี อยู่บ้านหมู่ 2 ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

หลังก่อเหตุตระเวนงัดวิหาร 3 วัดดัง คือ วัดคูหาสวรรค์ วัดราชบูรณะ และวัดท่ามะปราง ต.ในเมือง โดยเน้นลักพระพุทธชินราช ที่ซื้อขายคล่อง มีความต้องการสูง และขณะก่อเหตุผู้ต้องหาได้บวชเป็นพระสงฆ์ จำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะไม้แดง ม.6 ต.วังลึก อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย มาก่อนก่อเหตุ 2-3 เดือน

พล.ต.ต.นิคม เครือนพรัตน์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก กล่าวว่า คนร้ายขับรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน 5973 พิษณุโลก เมื่อ 30 พฤษภาคม 2567 และได้เปลี่ยนชุดเป็นฆราวาส เข้าพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตกกลางคืนได้ขับรถเข้ามาที่วัดท่ามะปราง ตัดโซ่โบสถ์เข้าไปลักพระพุทธชินราช ลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตัก 9 นิ้วไป จากนั้นได้ขับรถเข้ามาที่วัดราชบูรณะ ตัดโซ่พระวิหารหลวง หลวงพ่อทองดำ ลักพระพุทธรูปเชียงแสน ขนาดหน้าตัก 6 นิ้ว พร้อมด้วยเครื่องสังคโลกจำนวนหนึ่ง ออกไปจากวัด และกลับที่พักที่รีสอร์ตเดิม

ตำรวจชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในวัดเพื่อหารูปพรรณสัณฐานของคนร้าย และติดตามตรวจสอบกล้อง CCTV ตามเส้นทางที่หลบหนีหลังก่อเหตุ จนสามารถเข้าจับกุมตัวได้ที่รีสอร์ต


พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวา ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า ผู้ต้องหาถูกจับขณะบวชเป็นพระอยู่ที่วัดเกาะไม้แดง ม.6 ต.วังลึก อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย จึงได้นำตัวไปทำการลาสิกขาบทตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ก่อนนำตัวมาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก พร้อมของกลาง เป็นพระพุทธรูป ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จำนวน 5 องค์ เศียรพระพุทธรูป จำนวน 2 เศียร ถ้วยชามสังคโลก และอุปกรณ์ในการใช้ก่อเหตุ ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่ามีการบวชและสึกอยู่บ่อยครั้ง ก่อนก่อเหตุลักทรัพย์ก็เพิ่งบวชประมาณ 3 เดือน

นายบุญเชิด ผู้ต้องหาให้การว่า ตนเป็นชาวอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลกช่วงก่อเหตุได้บวชๆ สึกๆ มาหลายรอบ ก่อนก่อเหตุขโมยพระพุทธรูปที่อำเภอเมืองพิษณุโลกได้ไปบวชแก้บนเพื่อให้หายป่วยจากอัมพฤกษ์ ที่วัดเกาะไม้แดง ม.6 ต.วังลึก อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ส่วนเหตุจูงใจที่มาขโมยพระพุทธรูปครั้งนี้เพราะต้องการนำเงินไปซ่อมรถยนต์ของตนที่คาดว่าต้องใช้เงินหลายพันบาท จะเน้นขโมยพระพุทธชินราช เนื่องจากจะไปขายออนไลน์ เป็นยอดนิยม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธที่จะมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้ง 3 วัด ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรถามผู้ต้องหาว่าไม่กลัวบาปกรรมหรือที่มาก่อเหตุอย่างนี้ ผู้ต้องหาให้การว่ากลัวเหมือนกันแต่อยากได้เงินไปซ่อมรถ และให้การว่าเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก และยังไม่ได้นำพระไปขายที่ไหน แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อเพราะนอกจากของกลางพระพุทธรูป และเครื่องสังคโลกจาก 3 วัดแล้ว ยังพบเศียรพระโบราณอีก 2 เศียร ยังไม่ทราบว่าเป็นเศียรพระจากยุคไหน และเป็นของวัดไหน อยู่ระหว่างการประสานทางกรมศิลปากรเข้าตรวจสอบอีกครั้ง

พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก กล่าวว่า อยากให้วัดฯ ช่วยติดกล้องวงจรปิดไว้เพื่อจะสามารถบันทึกภาพ หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกจะได้สามารถเร่งติดตามตัวคนร้ายได้โดยเร็วก่อนที่จะนำทรัพย์สินไปออกขายสู่ท้องตลาด

พระครูประจักษ์ธรรมวินิต รองเจ้าอาวาสวัดท่ามะปราง เดินทางมาดูของกลางที่ถูกขโมยไปจากวัด
พระครูประจักษ์ธรรมวินิต รองเจ้าอาวาสวัดท่ามะปราง ได้เดินทางมาดูของกลางในจุดแถลงข่าวด้วย โดยยืนยันว่าพระพุทธรูปพระพุทธชินราชจำลองที่ยึดมาได้นั้นเป็นของวัดท่ามะปรางจริง มีผู้นำมาบริจาคไว้เมื่อประมาณ 15 ปีก่อน ซึ่งมูลค่าถ้าออกจากวัดช่วงใหม่ๆ จริงๆ ก็น่าจะราคาหลักหมื่น และขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ในเวลาอันรวดเร็ว และสามารถนำพระพุทธรูป กลับคืนสู่ศาสนาได้ดั่งเดิม

เบื้องต้นได้ตั้งข้อหากระทำผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สินในสถานที่บูชาสาธารณะ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น