เชียงใหม่ - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจับมือตำรวจบุกทลายเหมืองบิตคอยน์กลางเมืองเชียงใหม่ถึง 3 แห่งรวด แอบต่อตรงลักไฟฟ้าใช้ฟรีมานานนับปี แต่จ่ายค่าไฟเดือนละหลักพันอำพรางระบบตรวจสอบ พร้อมเร่งขอหมายศาลล่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 1 ภาคเหนือ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเชียงใหม่ ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.แม่ปิง นำหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงใหม่เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์เลขที่ 11/58 โครงการใจแก้วเอราวัณ หมู่ 3 ตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา
หลังตรวจสอบพบว่าอาคารพาณิชย์หลังนี้มีกิจกรรมการใช้กระแสไฟฟ้ามากผิดปกติและยังพบการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าจากมิเตอร์ เชื่อว่าจะแอบขโมยกระแสไฟฟ้าไปทำเหมืองขุดบิตคอยน์
จากการตรวจสอบพบเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ไม่มีคนอยู่ภายในและล็อกประตูด้านล่างไว้ เจ้าหน้าที่ใช้บันไดพาดปีนขึ้นไปเข้าทางระเบียงชั้น 2 ซึ่งเปิดประตูทิ้งไว้ เพื่อลงมาปลดล็อกประตูชั้นล่าง บนชั้นที่ 2 ของตัวอาคารพบมีการทำเป็นเหมืองขุดบิตคอยน์ตามที่สันนิษฐานไว้
โดยพบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เป็นซีพียูที่เชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตพร้อมอุปกรณ์จ่ายไฟทั้งหมด 40 ชุด มีการทำตู้เบรกเกอร์ไว้รองรับโดยเฉพาะ อุปกรณ์ทั้งหมดยังคงเปิดทำงานอยู่ตลอดเวลาและยังพบว่ามีการเจาะผนังติดตั้งพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่ให้กับอุปกรณ์ขุดบิตคอยน์นับ 10 ตัว พร้อมกำแพงบล็อกเสียง
การตรวจค้นครั้งนี้ไม่พบผู้ดูแลหรือผู้เช่าอาคารพาณิชย์คูหานี้ เบื้องต้นได้ตัดกระแสไฟฟ้าและถอดปลั๊กตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง ดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ ขณะที่ชุดสืบสวน สภ.แม่ปิงจะขยายผลติดตามจับกุมผู้เช่าอาคารและเจ้าของอุปกรณ์ทั้งหมดมาดำเนินคดี
ด้านนายอภิรักษ์ ถิ่นพิทยานุรัตน์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า โดยปกติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะมีการตรวจสอบการใช้กระแสไฟฟ้าเป็นประจำอยู่แล้ว ล่าสุดพบว่าอาคารพาณิชย์หลังนี้มีการใช้ไฟมากผิดปกติและคาดว่าจะมีการละเมิดการใช้ไฟฟ้าจึงเข้าตรวจสอบ และพบว่าตราตะกั่วที่ผูกกับมิเตอร์ถูกทำลายและมีการต่อกระแสไฟตรงเข้าไปใช้ในอาคาร ขณะที่เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์พิเศษตรวจจับจุดความร้อนภายในอาคารจนเชื่อว่าเป็นเหมืองขุดบิตคอยน์
สำหรับอาคารพาณิชย์หลังนี้พบว่าแต่ละเดือนมีจำนวนหน่วยการใช้ไฟสูงมาก หากคิดเป็นค่าไฟฟ้าจะตกเดือนละหลายแสนบาท แต่กลับพบว่าเสียค่าไฟฟ้าเดือนละ 6-7 พันบาทเท่านั้น เมื่อตรวจสอบในระบบทำให้พบว่ามีการลักทรัพย์กระแสไฟฟ้าไปใช้ประมาณ 93 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 7 เปอร์เซ็นต์จ่ายค่าไฟตามปกติเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
จากการตรวจสอบพบว่าอาคารหลังนี้ทำสัญญาเช่าไว้ 24 เดือน คาดว่าจะลักลอบทำเหมืองขุดบิตคอยน์และขโมยกระแสไฟฟ้าไปใช้มาแล้วนานนับปี ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ ต้องไปตรวจสอบข้อมูลการใช้ไฟย้อนหลัง แต่คาดว่าจะหลักหลายล้านบาท
นอกจากอาคารพาณิชย์หลังนี้ เวลาไล่เลี่ยกันเจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์อีก 2 แห่งใน อ.เมืองเชียงใหม่ และ อ.สันทราย พบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับขุดบิตคอยน์อีกจำนวนมาก ซึ่งทั้งสองจุดอยู่ระหว่างการขออนุมัติหมายจับจากศาลเพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองเชียงใหม่เปิดเผยว่า ยังมีอีกหลายจุดที่ลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าทำเหมืองบิตคอยน์ มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเดินหน้าตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพราะเป็นการสร้างความเสียหายให้รัฐและมีมูลค่าความเสียหายมหาศาล