ระยอง - รับกรรมต่อไปชาวบ้านบางบุตร จ.ระยอง สุดท้อเจ้าของโรงงานใช้ชีวิตสุดสบายแต่แผนขนย้ายสารเคมีชะงัก ซ้ำยังได้โอกาสอุทธรณ์คำสั่งโอนเงินวางศาล 4.9 ล้านให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมอีก 30 วัน ส่วน ร.ร.วัดหนองพะวา ใกล้ร้างไม่กล้าเปิดเรียนเต็มระบบ เหตุกลิ่นยังเหม็นคลุ้ง
จากเหตุการณ์ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีโรงงานวิน โฟรเสส ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก จากปัญหากลิ่นฟุ้งกระจายของสารเคมีที่ถูกไฟไหม้ และยังถูกน้ำฝนชะล้างไหลลงสู่ลำคลองสาธารณะที่ไหลผ่านหมู่บ้านและด้านหน้าโรงเรียนวัดหนองพะวา
จนผู้อำนวยการโรงเรียนต้องประกาศเลื่อนเปิดเรียนในภาคเรียนแรก ปีการศึกษา 2567 จากวันที่ 16 พ.ค.เป็นวันที่ 24 พ.ค.2567 เนื่องจากถูกประกาศให้อยู่ในเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย (อัคคีภัย) นั้น
วันนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศภายในโรงเรียนวัดหนองพะวา พบว่าแม้ทางโรงเรียนจะประกาศเปิดเรียนแล้วแต่เนื่องจากทั่วบริเวณโรงเรียนยังมีกลิ่นเหม็นของสารเคมีที่ถูกลมพัดผ่านเข้ามาในพื้นที่อยู่เป็นระยะ จึงทำให้นักเรียนในระดับชั้น ม.1-3 ที่ทางโรงเรียนอนุญาตให้เดินทางมาโรงเรียนได้ก่อนจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดความรุนแรงของกลิ่นเหม็นสารเคมี
นางจารุวรรณ สำเร็จกิจ ผู้อำนวยการ โรงเรียนวัดหนองพะวา บอกว่าแต่เดิมทางโรงเรียนได้ประกาศเลื่อนเปิดการเรียนการสอนเป็นวันที่ 24 พ.ค. แต่สุดท้ายต้องประกาศเลื่อนเป็นวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ทั้งหมดเพราะยังมีกลิ่นเหม็นของสารเคมีอยู่
“เบื้องต้นได้เปิดให้เฉพาะนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1- 3 มาเรียนก่อน ส่วนนักเรียนในระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ยังไม่ให้เปิดเรียน เนื่องจากทางโรงเรียนไม่มีห้องแอร์และเราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กนักเรียนก่อน แต่ถึงวันนี้จะเรียกว่าเปิดเรียนก็ยังไม่ได้ เพราะแม้จะเปิดให้เด็กโตมาเรียนได้แต่มีนักเรียนเดินทางมาเรียนไม่ถึง 100 คน และหากเปิดเรียนเต็มระบบเราจะมีนักเรียนมากถึง 500 คน”
อำนวยการโรงเรียนวัดหนองพะวา ยังบอกอีกว่าขณะนี้ทางโรงเรียนยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องของโรงงานสารเคมีวินโพรเสส จะจบลงเช่นไร และหากเปิดให้เด็กเข้ามาเรียนหนังสือแล้วทางโรงเรียนจะดูแลเรื่องสุขภาพ และอันตรายจากสารเคมีได้แค่ไหน เนื่องจากในวันนี้ยังมีกลิ่นเหม็นโชยลอยมาเป็นระยะ
และจากการลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านที่มีบ้านพักอยู่ใกล้โรงเรียนต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ในวันนี้นอกจากจะสงสารตัวเองแล้ว ยังต้องสงสารเด็กนักเรียนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ซึ่งแน่นอนว่านักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน การจะย้ายออกไปเรียนโรงเรียนในเมืองย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
“สงสารเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลและเด็กชั้นประถมศึกษาที่ยังไม่สามารถมาเรียนได้ ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรายังได้กลิ่นเหม็นจนเกิดผื่นคัน และมีปัญหาด้านสุขภาพ แล้วเด็กนักเรียนจะทนไหวได้อย่างไร”
พร้อมฝากวอนไปบอกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สนใจลงพื้นที่มาดูแลความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียนกันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการมอบเงินเยียวยาให้ชาวบ้านที่จนถึงขณะนี้ยังเงียบ และไร้คำตอบ
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าภายหลังจากที่ศาลจังหวัดระยอง ได้พิจารณาให้บริษัท วินโพรเสส จำกัด สามารถอุทธรณ์คำสั่งให้โอนเงินวางศาล จำนวน 4.9 ล้านบาทไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรมภายใน 30 วัน จนทำให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่มีเงินว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้าขนย้ายสารเคมีออกจากโรงงานได้ ทำให้ชาวบ้านพากันเสียใจและบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหมดหวังกับการที่จะพ้นจากอันตรายของสารเคมี
ในวันนี้จึงได้แต่ทำใจยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น เพราะสุดท้ายเจ้าของโรงงานยังคงใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายอยู่ในเขตตัวเมืองระยอง โดยไม่ต้องทนดมกลิ่นเหม็นจากสารเคมีเช่นเดียวกับพวกตนและเด็กนักเรียน
"ส่วนราชการในพื้นที่แม้จะรับรู้ถึงปัญหาของชาวบ้านแต่อ้างว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีงบประมาณในการจัดการกับสารเคมี และอีกไม่นานข้าราชการเหล่านี้จะเกษียณอายุราชการ ขณะข้าราชการบางส่วนต้องโยกย้าย สุดท้ายปัญหาเรื่องสารเคมีในพื้นที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง" ชาวบ้าน กล่าว