ราชบุรี - กล้องวงจรปิดจับภาพหนุ่มซัดเสี่ยเจ้าของไร่อ้อยหมัดเดียว ชั่วข้ามคืนเสียชีวิต เหตุไม่พอใจด้วยคำพูดที่ว่า "มีอะไรกับผมหรือป่าว" ทั้งที่ไม่เคยมีปัญหากันและไม่รู้จักกันด้วย
วันนี้ (27 พ.ค.) พ.ต.อ.วิสุทธิ์ เสือรอด รองผู้บัญคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บ้านโป่ง ได้รับแจ้งจากทาง รพ.บ้านโป่ง ว่า มีผู้บาดเจ็บที่ถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิต จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยชุดสอบสวน ผู้ตายคือ นายศักย์ศรณ์ ตาลเจริญยิ่ง อายุ 47 ปี ม.6 ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง
จากการสอบสวนทราบว่า เคสดังกล่าวนั้นเหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 00.30 น.วันที่ 26 พ.ค.โดย ผู้ตายได้ไปนั่งร้องเพลงในคาราโอเกะแห่งหนึ่งในเขต ต.ปากแรต โดยไปกับพี่ๆ น้องๆ ระหว่างที่กำลังจะกลับบ้าน ผู้ตายถูกนายชัยชนะ ดังชัยภูมิ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 21 ม.1 ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง ชกเข้าที่หน้าไปหมัดเดียว ทำให้ผู้ตายล้มหัวฟาดพื้น ซึ่งหลังเกิดเหตุทางญาติผู้ตายพร้อมกับภรรยาผู้ก่อเหตุได้รีบพาผู้ตายส่งโรงพยาบาล จนกระทั่งผู้ตายเลือดคั่งในสมอง และเสียชีวิตในอีกวัน
ต่อมาทางชุดสืบสวนได้ติดต่อให้ นายชัยชนะ ผู้ต้องหาให้เข้ามามอบตัว จนกระทั่งเวลา 16.30 น.นายชัยชนะ ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.วิสุทธิ์ เสือรอด โดยนายชัยชนะ ให้การว่าผู้ตายเดินมาเจอกับตนแล้วดูเหมือนว่าเขาจะมาหาเรื่องเขาถามว่ามีอะไรกับเขาเปล่า จริงๆ แล้วพวกเราไม่มีอะไรเลย ตอนนั้นตนกำลังจะกลับบ้าน ผู้ตายเหมือนทำท่าจะมาต่อยพวกเราก่อน ตนเลยชกผู้ตายไปแค่หมัดเดียวจนเขาล้ม
ทางด้าน พ.ต.อ.วิสุทธอ์ เสือรอด รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บ้านโป่ง กล่าวว่า ช่วงคืนวันที่ 26 พ.ค. ทางฝ่ายผู้ตายกับผู้ต้องหาเดินออกมาจากโรงแรมโดยผู้ต้องหาเดินออกมาก่อน มาที่ลานจอดรถ ทางฝ่ายผู้ตายเดินตามมาและมาพูดกับผู้ต้องหาว่ามีอะไรกับเขาหรือเปล่า ทางฝ่ายผู้ต้องหาตอบกลับไปว่าแล้วมีอะไรกับเขาหรือเปล่า จากนั้นทางผู้ตายเดินเข้าไปหาผู้ต้องหา ทางผู้ต้องหาเลยชกไปที่หน้าผู้ตาย 1 ครั้ง จนผู้ตายล้มหงายหลังเอาหัวฟาดกับพื้นได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทางญาติผู้ตายพร้อมกับเพื่อนๆ ผู้ต้องหาได้ช่วยกันนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล ซึ่งรักษาอยู่โรงพยาบาลบ้านโป่ง 1 คืนก็เสียชีวิต
ซึ่งจากการสอบสวนทั้งสองฝ่ายไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน มีแต่ฝ่ายทางผู้ตายเดินตามมาและสอบถามแค่นั้นว่ามีอะไรกับเขาไหม ทางผู้ต้องหาเขาไม่ได้คิดจะถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งหลังเกิดเหตุเขาไปทำงานตามปกติ ซึ่งคืนเกิดเหตุทางฝ่ายภรรยาผู้ต้องหาเขาให้ชื่อที่อยู่เบอร์โทร.ไว้กับทางญาติคนตาย จนญาติของผู้ตายได้โทร.ไปบอกว่าตายแล้ว เขาเลยเดินทางมามอบตัว เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ซึ่งเราทำตามพยานหลักฐาน
ต่อมา ทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปบ้านของผู้ตาย ในเขต ต.กลับใหญ่ ซึ่งทราบว่าทางญาติได้นำศพมาตั้งสวดพระอภิธรรมที่บ้าน ซึ่งผู้ตายนั้นมีอาชีพทำไร่อ้อย มีฐานะร่ำรวย ซึ่งบรรยากาศมีญาติพี่น้องของผู้ตายมาช่วยกันจัดสถานที่ ซึ่งแต่ละคนมีความเสียใจกับการจากไปของคนในครอบครัว สำหรับศพของนายศักย์สรณ์ นั้นจะตั้งสวดพระอภิธรรมเพียง 3 คืน และจะทำพิธีประชุมเพลิงในวันที่ 30 พ.ค.67 เวลา 16.00 น.ที่วัดหนองเสือ
น.ส.ปรมาภรณ์ ชนะกุลเดชา หรือกิ๊ฟ อายุ 42 ปี น้องสาวผู้ตายเล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราไปร้องคาราโอเกะกัน เราไม่มีเรื่องหรือไปหาเรื่องกับคู่กรณีเลย ไม่มีปัญหากันและไม่รู้จักกันด้วย หลังจากร้องเพลงกันเสร็จเรากำลังจะกลับบ้าน คู่กรณีสอบถามกับผู้ตายว่ามีอะไรกับเขาหรือเปล่า ตเลยบอกกับพี่ชายไปว่าไปเถอะกลับบ้าน ก็เดินออกมาที่ลานจอดรถคู่กรณีจอดรถรออยู่ก่อนแล้ว แต่เราไม่รู้ว่าเขารอเราหรือเปล่า เพราะเราไม่รู้ว่าพี่เรามีอะไรกับเขาหรือเปล่า
ซึ่งพี่ชายถามไปว่ามีอะไรกับผมหรือเปล่า เขาตอบมาว่าแล้วมีอะไรกับผมไหม คนที่เดินมาต่อยเป็นเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งไม่รู้จักกันเลยต่อยหมัดเดียวพี่ล้มทั้งยืน พอล้มเสร็จมารุมหลานชายที่อยู่ข้างๆ ตนเข้าไปห้ามพอห้ามเสร็จเข้ามาดูพี่ชาย ตอนนั้นเห็นพี่ตาเหลือกอยู่ ตน กับน้องสาวเลยอุ้มพี่ชายขึ้นรถ เพื่อไปส่งโรงพยาบาล หมอเอกซเรย์สมองพบว่ามีเลือดออกในสมองทางด้านขวา ซึ่งการผ่าตัดสมองนั้นพี่ชายตนจะผ่าตัดไม่ได้เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งคืนเกิดเหตุเราไปกัน 5 คน ส่วนคู่กรณีน่าจะ 7-8 คน และมีรถ จยย.คันใหญ่อีก 2 คัน ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นพี่ชายไม่เคยมีปัญหากับใคร เป็นคนอารมณ์ดี ชอบช่วยเหลือ ไม่หาเรื่องใครก่อนแน่นอน