xs
xsm
sm
md
lg

ชมวิถีลูกน้ำยม! พ่อเฒ่า-แม่เฒ่า สองสามีภรรยาเลือกอยู่บนเรือนแพหลังสุดท้ายเขตตัวเมืองสุโขทัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สุโขทัย - สองสามีภรรยา พ่อเฒ่า-แม่เฒ่าวัย 70 กว่า เปิดใจเลือกใช้ชีวิตอยู่เรือนแพที่เหลืออยู่หลังสุดท้ายในแม่น้ำยมเขตตัวเมืองสุโขทัย แม้มีบ้าน-ลูกหลานอยู่บนฝั่ง เพื่อนชาวแพย้ายขึ้นบกกันหมด บอกเพราะเป็นลูกแม่น้ำตั้งแต่เกิด


เป็นเวลานานนับสิบปีแล้วที่ นายพายัพ สุขสันต์ อายุ 73 ปี และนางวรรณี สุขสันต์ อายุ 70 ปี สองตายายชาวประมง ได้ใช้ชีวิตอาศัยหลับนอนอยู่ในเรือนแพแม่น้ำยมเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ซึ่งนับเป็นหลังสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ขณะที่ชาวประมงคนอื่นๆ ได้กลับขึ้นไปอยู่บนฝั่งกันจนหมดตามวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง

คุณตาพายัพเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า นอกจากมีอาชีพเป็นชาวประมงแล้ว ปัจจุบันก็ยังเป็นประธานชุมชนคูหาสุวรรณ และเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี รวมทั้งเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ด้วย แต่เพราะความรักผูกพันกับวิถีชีวิตเดิม และเป็นลูกแม่น้ำตั้งแต่เกิด ตนกับภรรยาจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในเรือนแพแทนการอยู่บนฝั่ง ซึ่งตนก็มีบ้านและลูกๆ แต่ชอบอยู่ในแพมากกว่า เพราะร่มรื่นสดชื่นมีความสุข และต้องนอนเฝ้าเครื่องมือจับปลาด้วย

โดยบริเวณที่ตั้งของเรือนแพจะมีตาน้ำผุดตลอด และเป็นวังน้ำลึกกว่าจุดอื่นจึงไม่เคยแห้งแม้น้ำยมจุดใกล้ๆ กันจะแห้งขอดจนมองเห็นพื้นทรายก็ตาม แล้วเมื่อก่อนชาวบ้านก็หาปลากันได้ดีมากๆ มีสารพัดมากมาย ทั้งปลากระโห้ ปลาค้าว ปลาสร้อย ปลาตะเพียน ปลากด ปลาเทโพ ปลารากกล้วย ปลาหมู แต่หลังจากมีการสร้างประตูระบายน้ำก็ทำให้จับปลาได้น้อยลง จากเคยจับปลาได้ 100 ก็เหลือแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องสู้หากินกันไปตามวิถีลูกแม่น้ำยม

ส่วนช่วงฤดูน้ำหลาก มีกระแสน้ำไหลแรง เรือนแพจะลอยสูงขึ้นถึงขอบพนังกั้นแม่น้ำ ตนกับภรรยาก็ยังคงอาศัยนอนในเรือนแพตามปกติ ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว อาจเพราะความเคยชิน และมีเชือกกว่า 10 เส้นผูกเรือนแพไว้อย่างปลอดภัย เพียงแต่น้ำแรกก็จะเหนื่อยหน่อย เพราะต้องคอยดันเศษสวะที่ลอยมาติดแพออก










กำลังโหลดความคิดเห็น