ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้บริหารเมทเทิลคอม วอนชาวพนัสฯ ใจเย็นเร่งขนย้ายกากอะลูมิเนียมดรอสคืนโรงงานวินโพรเสส แล้วกว่า 150 ตัน ยันไม่ใช่ของเสียจากโรงงานแต่สามารถนำมารีไซเคิลได้ ชี้ทำไปเพราะกรมโรงงานร้องขอ และต้องการช่วยชาวระยอง แต่สุดท้ายได้ไม่คุ้มเสีย
วันนี้ (21 พ.ค.) นายกิตติพศ ธนเลิศลาภ รองประธานบริษัท เมทเทิลคอม จำกัด ซึ่งประกอบกิจการผลิตหลอมอะลูมิเนียม ผลิตและส่งออก ขายส่งอะลูมิเนียม รวมทั้งผลิตอะลูมิเนียมและผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม ซึ่งมีโรงงานหลอมอะลูมิเนียมอยู่ในพื้นที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ได้ออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์ประท้วงของชาวบ้านในพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้มีการนำกากสารเคมีอุตสาหกรรมจากโรงงานไฟไหม้วินโพรเสส จ.ระยอง เข้ามาหลอมในพื้นที่เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพว่า ตนเข้าใจถึงความรู้สึกของชาวชลบุรีเป็นอย่างดี
เพียงแต่อยากให้ข้อมูลเกี่ยวกับกากอะลูมิเนียมที่นำมาจากโรงงานวินโพรเสส ว่าสารตัวดังกล่าวไม่ใช่ของเสียจากโรงงาน แต่สามารถนำมารีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมได้ และหลังเกิดเหตุทางโรงงานได้ทำการขนย้ายกากอะลูมิเนียมดรอสส่งคืนโรงงานวินโพรเสสแล้วกว่า 150 ตัน
“ขณะนี้ทางโรงงานได้ทำตามคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ด้วยการขนกลับกากสารเคมีดังกล่าวไปยังที่ตั้งแล้วตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา โดยได้ขนย้ายในเบื้องต้นแล้วจำนวน 95 ตัน ด้วยการนำใส่ถุงบิ๊กแบ็กเพื่อทำการตรวจความชื้น และยังได้ขนย้ายอีก 60 ตัน โดยใช้รถบรรทุกจำนวน 5 คัน ทำให้ขณะนี้ขนย้ายออกจากพื้นที่แล้วกว่า 150 ตัน และคาดการณ์ว่าในวันนี้น่าจะทำการขนย้ายส่วนที่เหลือได้หมดในคราวเดียว”
รองประธานบริษัท เมทเทิลคอม จำกัด ยังบอกอีกว่าสาเหตุที่ได้นำกากอะลูมิเนียมดรอสจากโรงงานวินโพรเสส เข้ามาหลอมภายในโรงงานที่พนัสนิคม เป็นเพราะได้รับการร้องขอจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากเห็นว่าทางโรงงานมีผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมอะลูมิเนียม และยังมีใบอนุญาตประกอบการที่ถูกต้อง
“หลายคนอาจคิดว่าทางโรงงานได้รับผลประโยชน์ที่สูงมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วอยากให้ลองเช็กต้นทุนงานดูก่อนว่าค่อนข้างสูงมาก แต่ที่โรงงานยอมรับอะลูมิเนียมดรอสมาทำการหลอม เพราะต้องการช่วยชาวบ้านใน จ.ระยอง ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนแต่สุดท้ายผลที่ได้กลับไม่คุ้มเสีย”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การขนย้ายกากอะลูมิเนียมดรอสกลับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ในวันนี้ยังมี นายประมวล เอมเปีย กรรมการยุทธศาสตร์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชาวบ้านร่วมสังเกตการณ์ด้วย