สระบุรี - เกษตรกรผู้ปลูกกัญชา วิสาหกิจชุมชนพระพุทธบาท หวั่นรัฐแก้กฎหมายกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ได้ไม่คุมเสีย ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจกัญชาที่ได้มีการลงทุนไปแล้ว
จากกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแก้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 และให้ออกกฎกระทรวงอนุญาตให้นำกัญชาไปใช้ประโยชน์เฉพาะทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น
นายกฤช ธนธรรมเจริญ ผู้บริหารฝ่ายกัญชา วิสาหกิจชุมชนคนพระพุทธบาทพัฒนาเกษตรแปรรูป โดยฟาร์มวิสาหกิจชุมชนคนพระพุทธบาทพัฒนาเกษตรแปรรูป ตั้งอยู่เลขที่ 108 หมู่ 2 ต.นายาว อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี อยู่ในพื้นที่เพาะปลูกกัญชาของตนเอง มีพื้นที่เพราะปลูกกัญชา 1 ไร่ มีทั้งปลูกกลางแจ้งและปลูกในร่ม รวมทั้งมีโรงบ่มตากไล่ความชื้น
นายกฤช ธนธรรมเจริญ ผู้บริหารฝ่ายกัญชาวิสาหกิจชุมชนคนพระพุทธบาทพัฒนาเกษตรแปรรูป กล่าวว่า หลังจากที่มีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดประเภท 5 แล้วเกิดเป็นธุรกิจเข้ามา ตั้งแต่ต้นน้ำคือตัวเกษตรกร มีการปลูกกัญชาแบบที่ตนเองปลูกได้ แล้วกลางน้ำมีการแปรรูปเป็นกิ่งก้านใบเอาไปดองน้ำผึ้งบ้าง หรือไปใส่ในอาหารที่เรียกว่าในระดับโอทอป ไปจนถึงปลายน้ำคือมีร้านในการจำหน่ายช่อดอกหรือว่าเป็นเครื่องดื่มในซูเปอร์มาร์เกต หรือว่าเครื่องปรุง มีการทำธุรกิจมีเม็ดเงินหมุนในระบบ 20,000 ถึง 30,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานประมาณ 70,000 ตำแหน่ง ร้านค้าขึ้นเป็นหมื่นแห่ง ถ้าหากว่านำสิ่งนี้กลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 อีกครั้งหนึ่ง คิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะว่าด้านธุรกิจจะกระทบอย่างมาก
“ถ้าหากว่ามองด้วยใจเป็นกลาง ไม่ได้นำกัญชาเป็นกัญชาทางการเมือง ผมมองว่าจริงๆแล้ว รัฐบาลควรจะมองว่าการนำกัญชามาใช้ประโยชน์โดยการควบคุมด้วยกฏหมาย จริงๆมี พ.ร.บ. มีเรื่องกฎหมายที่เตรียมจะออกอยู่แล้ว ถ้าบังคับใช้ให้พอเหมาะพอดี คิดว่าน่าจะเป็นที่ยอมรับได้ แล้วเพียงพอด้วยซ้ำไป จึงอยากจะฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า จริงๆ แล้วถ้าหากเรานำกัญชาไปเป็นสมุนไพรที่ควบคุมจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศ มากกว่า และเป็นประโยชน์กับประชาชนในหมู่มาก และประชาชนในประเทศล้านกว่าคน ที่ขออนุญาตปลูกกัญชา ถ้าหากดึงกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ขบวนการตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำที่กล่าวมาจะหายไป 80 ถึง 90% ส่งผลกระทบมหาศาลแน่นอน”