กาญจนบุรี - ประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมกัญชาฯ จวกรัฐบาลกลับไปกลับมา ทำวงการสะเทือน หมดความน่าเชื่อถือจากอารยะประเทศ แนะไต่ตรองในทุกมิติ ทุกการลงทุนมีต้นทุนการดำเนินงาน
จากกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแก้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดให้โทษประเภทท 5 และให้ออกกฎกระทรวงอนุญาตให้นำกัญชาไปใช้ประโยชน์เฉพาะทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น
นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทยและประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้แสดงมุมมองเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจะนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 และให้ใช้ประโยชน์เฉพาะทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น ว่า ตนในฐานะประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทยกาญจนบุรี ถือว่าเป็นผู้ที่ปลูกกัญชารายใหญ่ และเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ถ้านายกฯ บอกจะเอาบัญชีรายชื่อกัญชากลับไปอยู่ในบัญชีรายการยาเสพติด ต้องถือว่ามีผลกระทบอย่างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะว่าการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดขั้นตอนกระบวนการทำยารักษาโรคทุกอย่างต้องผ่านทุกกระบวนการกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะต้องให้ อย. มาพิจารณา รวมทั้ง ป.ป.ส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องยารักษาโรคที่เกี่ยวกับกัญชา ทำให้กลายเป็นว่าต้องกลับไปสู่การเริ่มต้นใหม่
“วันนี้เรากำลังจะมองกันว่าถ้าจะให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่ท่านต้องสามารถแก้ไขในเรื่องกฎหมายข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการทำยา ที่บอกว่าสำหรับทางการแพทย์ให้ได้ แต่ที่แน่ๆ ถ้านำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ทางเราจะได้รับผลกระทบแน่นอนอยู่แล้ว”
นายวิศารท์ กล่าวต่อไปว่า ตนยินดีเข้าสู่กระบวนการตามที่รัฐบาลไทยสั่งการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะให้กัญชาเป็นยาเสพติด หรือไม่เป็นยาเสพติด ตอบได้เลยว่าเป็นได้ทั้ง 2 แบบ แต่ต้องมองย้อนกลับไปอีกว่า ทำไมตนถึงปลูกกัญชา มันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ตนจะมาปลูกกัญชา แต่รัฐบาลเป็นผู้อนุญาตให้ปลูก พวกเราจึงปลูก และที่สำคัญการปลูกกัญชาเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มีการสนับสนุนส่งเสริม พวกเราปลูกกัญชา ทุกอย่างมีการลงทุนเกิดขึ้น
“ตนลงทุนการดำเนินการไปกว่า 1 พันล้านบาท สำหรับการตั้งใจที่จะทำเอากัญชาเป็นยารักษาโรค เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ แต่ถ้าท่านนำกลับไปเป็นแบบนี้ เราต้องกลับมาเซ็ตหรือปรับกันใหม่ว่าทิศทางจะไปอย่างไร ที่สำคัญคือเราลงทุนเพราะเราไม่ได้อยู่ดีๆ ก็ทำเอง แต่รัฐบาลเป็นคนอนุญาตส่งเสริมสนับสนุนให้เราทำ ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลแจกกัญชาไปล้านต้นแล้ว แต่มาในวันนี้รัฐบาลกลับมาบอกว่าจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดให้โทษอีก”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตนจึงมองว่าความเชื่อมั่นของรัฐบาลอยู่ที่ตรงไหน ตนไม่ได้สนใจว่ารัฐบาลเป็นรัฐบาลของใคร แต่ตนสนใจว่าเป็นรัฐบาลไทย แต่เมื่อมาทำอย่างนี้จะทำให้เราเชื่อมั่นได้อย่างไร แล้วประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไร โดยถ้าเปรียบเทียบระหว่างกัญชากับกาสิโน ตนมองว่าคงไม่แตกต่างกัน
นายวิศารท์ กล่าวอีกว่า วันนี้รัฐบาลอยากให้มีกาสิโน อยากให้มีการสนับสนุนส่งเสริมการทำกาสิโน หรือเรียกว่าบ่อน หากรัฐบาลชุดนี้ผลักดันได้สำเร็จ แต่เมื่อเกิดรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาแล้วมาบอกว่ากาสิโนผิดกฎหมาย การลงทุนจะทำอย่างไร รัฐบาลเราจะอยู่ยังไง เราจะมีความเชื่อมั่นกับอารยะประเทศได้อย่างไร ตนมองว่ากัญชาไม่ได้แตกต่างจากการทำกาสิโนเลย หากมีการอนุญาตจริง
ดังนั้น จึงมองว่าความเชื่อมั่นของรัฐบาลไม่ได้อยู่ตรงที่ความเชื่อในแต่ละเรื่อง วันนี้ถ้ารัฐบาลหันกลับมาควบคุม กำหนดกฎเกณฑ์การนำเข้าหรือการควบคุมการปลูกกัญชาให้ได้มาตรฐาน เรื่องนี้จึงจะเป็นสิ่งที่ดี เคร่งครัดในทุกๆ สิ่งให้ดี ดีกว่าการที่จะมาแก้ไขปัญหาแบบนี้ ซึ่งทางเรายินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการ แต่รัฐบาลควรจะต้องไปกำกับพวกที่นำเข้าช่อดอกจากต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ประชาชนคนไทย รวมถึงเกษตรกรไทยไปต่อไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ต้องควบคุมและควรกระทำ แต่ไม่ใช่มาเหมารวมว่ากัญชาจะต้องกลับไปเป็นยาเสพติด
เราต้องมองอีกเรื่องหนึ่งด้วยว่า วันนี้ประเทศเยอรมนีเขาประกาศกฎหมายควบคุมผู้บริโภค โดยอนุญาตให้เด็กอายุ 18 ปี สามารถครอบครองกัญชาได้ 25 กรัมต่อคน คนที่มีอายุ 21 ปี ครอบครองกัญชาได้ 25 กรัม แต่ไม่เกิน 50 กรัม ซึ่งเป็นกฎหมายในการควบคุมผู้บริโภค ซึ่งกฎหมายแรกเราลอกจากเขามา และกฎหมายเหล่านี้ต้องลอกจากเขาเช่นเดียวกัน
สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานกับการใช้กัญชา สุรา หรือบุหรี่ เป็นหลักฐานคล้ายกัน ถ้าเปรียบเทียบระหว่างกัญชากับกาสิโนจึงไม่ได้แตกต่างกันเลย ผมอยากจะวิงวอนไปถึงรัฐบาลว่า อยากให้ท่านพิจารณาในหลายมิติให้ครอบคลุมทุกด้าน แล้วเอาองค์ประกอบเหล่านี้มาคิดว่าประเทศเราจะอยู่อย่างไร
ที่ผ่านมา ผมทราบข่าวจากเพื่อนๆ ในวงการกัญชาทั้งกลุ่มผู้บริโภค และกลุ่มทางด้านตลาดทางการแพทย์ ทุกกลุ่มมีความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว ทุกวันนี้รัฐบาลมาส่งเสริมทางด้านการแพทย์ แต่เรื่องทางการแพทย์ประเทศไทยของเรายังไปไม่ถึงไหนเลย แล้วยังจะนำกัญชากลับมาเป็นเรื่องของยาเสพติดอีก จึงมองว่ายาก
ปัจจุบันการส่งออกยิ่งยากอยู่แล้ว มันโดนบีบอย่างนี้ยิ่งยากหนักเข้าไปอีก ดังนั้นเรื่องของกัญชาถ้าถูกกลับไปเป็นยาเสพติดทุกอย่างยากหมดไม่มีง่ายเลย ดังนั้น การพัฒนา การวิเคราะห์ วิจัย การสร้างยารักษาโรคที่ทำจากกัญชาทุกอย่างเสียหายหมด ในฐานะที่ตนเป็นผู้ประกอบการด้านผู้ปลูกกัญชาทางด้านการแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ปลูกของประเทศนี้ ขอฝากและวิงวอนไปถึงรัฐบาลว่า อยากให้มองถึงทุกปัญหา ทุกมิติ และอยากให้มองกัญชาเทียบเคียงกับปัญหาระดับประเทศ กับปัญหาที่ท่านกำลังจะทำเรื่องของบ่อนหรือทำกาสิโนว่ามันไม่แตกต่างอะไรกันเลย เพราะอยู่ดีๆ ใช่ว่าเราจะลุกขึ้นมาแล้วลุงทุนเพื่อปลูกกัญชา แต่เป็นเพราะรัฐบาลเป็นคนอนุญาตให้เราปลูก ส่งเสริมและปลูกเราก็ปลูก ซึ่งเราลงทุนไปเป็นพันล้าน แล้วอยู่ดีๆ วันนี้ท่านกลับมาบอกว่าจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่ท่านยังไม่ทราบเลยว่าจะควบคุมกันอย่างไร ปฏิบัติกันอย่างไร มันจึงเป็นหนทางที่มืดมน
วันนี้มีการดำเนินการยากอยู่แล้ว ยิ่งรัฐบาลประกาศอย่างนี้ ทำให้กระแสการลงทุน กระแสการขายผันผวนไปหมด ที่ผ่านมาเราขาดทุนกันอยู่แล้ว ยิ่งหนักไปกว่าเดิมอีกเยอะมาก ดังนั้น อยากให้รัฐบาลช่วยมองในทุกมิติในทุกๆ ด้าน ตนไม่ได้สนใจว่าเป็นรัฐบาลของใครเพราะถือว่าเป็นรัฐบาลของไทย ตนอยู่ภายใต้การดำเนินการของรัฐบาลของท่าน แต่ท่านจะต้องหันกลับมามองนักลงทุนที่รัฐบาลสนับสนุนอย่างพวกเราด้วยเช่นเดียวกัน