จันทบุรี - ชุดตรวจสอบโรงงานจันทบุรีถึงผงะหลังบุกตรวจโรงงานร้างใน อ.สอยดาว ลักลอบใช้ไฟหลวงนานหลายปี พบแปลง พื้นที่เป็นเหมืองบิตคอยน์ ยึดอุปกรณ์ขุดหลายร้อยตัว แจงโทษปรับ 390,000 บาทซ้ำเตรียมให้การไฟฟ้าเรียกค่าไฟย้อนหลัง นอกจากนั้น ยังพบใช้ผู้เชี่ยวชาญดัดแปลงวงจรมิเตอร์จนทำให้การอ่านค่าผิดปกติ
วันนี้ (16 พ.ค.) พ.ต.อ.อรรถพงษ์ สุนทรวิภาค รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี หัวหน้าชุดตรวจสอบโรงงาน ได้นำคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด กอ.รมน. ตำรวจ ศุลกากร ทหาร เจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.จันทบุรี และตำรวจไซเบอร์ เข้าตรวจสอบโรงงานร้างเลขที่ 234/1 ม.1 ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ซึ่งเคยประกอบกิจการแปรรูปชีวมวล และพบว่ามีความผิดปกติของการใช้ไฟฟ้า
และเมื่อไปถึงพบ นายนิชัย สุธรรมรักษ์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลโรงงาน และนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดต่างๆ โดยในจุดแรกคณะทำงานทั้งหมดได้เข้าตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าที่ต่อเข้าโรงงาน ซึ่งพบว่าการซ็อตเทิร์น หรือการต่อวงจรให้มิเตอร์อ่านค่าผิดปกติจากเดิม ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการดัดแปลงเป็นผู้ดำเนินการ
โดยถือเป็นความผิดและมีโทษปรับสูงถึง 390,000 บาท รวมทั้งการจัดเก็บค่าไฟย้อนหลัง และยังได้พบอุปกรณ์การขุดบิตคอยน์อีกจำนวนหลายร้อยตัว
ส่วนการตรวจสอบในจุดที่ 2 ซึ่งอยู่บนชั้น 2 ของโรงงานพบอุปกรณ์การขุดบิตคอยน์อีก 130 เครื่อง แต่อยู่ในสภาพปลั๊กถูกถอดออกจากเครื่องแล้ว และการตรวจสอบในจุดที่ 3 ซึ่งอยู่ชั้นล่างยังพบอุปกรณ์ขุดบิตคอยน์อีก 80 เครื่อง ซึ่งทั้งหมดยังสามารถใช้งานได้
ขณะที่จุดสุดท้ายได้พบรถแวนสีขาว หมายเลข 1 ขร 3363 กรุงเทพมหานคร ซึ่งภายในรถมีเครื่องขุดบิตคอยน์อีก 30 เครื่องที่ถูกถอดออกนำมาซุกซ่อนไว้ ตำรวจจึงยึดไว้เป็นหลักฐานเพื่อรอให้เจ้าของนำเอกสารและหลักฐานมาชี้แจง เนื่องจากผู้ดูแลโรงงานอ้างว่า เครื่องขุดบิตคอยน์ทั้งหมดซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีเอกสารหลักฐานการซื้อขายที่ชัดเจน
“การตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของจังหวัด และรัฐบาลในการป้องกันการลักลอบขนย้ายสารเคมีอันตราย และวัตถุไฟฟ้า และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ และเมื่อตรวจสอบโรงงานแห่งนี้เป็นแห่งสุดท้าย พบว่ามีการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ จึงแจ้งให้การไฟฟ้าเข้ามาตรวจสอบและพบการกระทำผิดจริงๆ ด้วยการดัดแปลงมิเตอร์ เพื่อให้เสียค่าไฟฟ้าน้อยลง โดยขั้นตอนต่อจากนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสอยดาว จะปรับเป็นเงิน 390,000 บาท และคิดค่าไฟย้อนหลัง ส่วนเครื่องบิตคอยน์ที่ตรวจยึดไว้ หากเจ้าของโรงงานมีเอกสารการซื้อขายที่ถูกต้องสามารถนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้” หัวหน้าชุดตรวจสอบโรงงาน กล่าว
ด้านผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสอยดาว เผยว่า โรงงานแห่งนี้ได้ขอใช้ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2558 แต่พบว่ามีการใช้ไฟฟ้าที่สูงตั้งแต่ปี 2564 โดยมีการเสียค่าไฟเฉลี่ย 1-2 หมื่นบาทต่อเดือน และในปี 2565 มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น บางเดือนสูงถึง 130,000 บาท และค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ ซึ่งถือว่าผิดปกติแต่เนื่องจากมีวิธีการหลบเลี่ยงที่ค่อนข้างซับซ้อนจึงทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความผิดปกติได้ยาก