xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้อง! "อิทธิพล คุณปลื้ม" คดีวอเตอร์ฟร้อนท์ พัทยา เหตุ ป.ป.ช.ฟ้องช้า คดีขาดอายุความ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศาลอาญาคดีทุจริต 2 จ.ระยอง พิพากษายกฟ้อง "อิทธิพล คุณปลื้ม" อดีต รมว.วัฒนธรรม กรณีการออกใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดฯ วอเตอร์ฟร้อนท์ พัทยา โดยไม่ถูกต้อง เหตุ ป.ป.ช.ไม่ได้มุ่งหมายให้ฟ้องคดีในกรอบเวลา 15 ปี คดีจึงขาดอายุความ แม้ทำผิด ม.157 แต่จำเลยอีก 5 คนพิพากษาให้มีความผิด มีโทษจำคุกและปรับ

จากรณีที่นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม และพวกถูกดำเนินคดี กรณีการออกใบอนุญาตสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ หาดพัทยา จ.ชลบุรี โดยไม่ถูกต้อง และถูกอัยการสูงสุดนำตัวส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พ.ค.67 นายอิทธิพล คุณปลื้ม ได้เดินทางมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าว ซึ่งศาลได้ยกประเด็นการขาดอายุความ ยกฟ้องคดีในส่วนของนายอิทธิพล คุณปลื้ม แต่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติมีความผิด ซึ่งเมื่อฟังคำพิพากษาแล้ว นายอิทธิพลได้เดินทางกลับ


สำหรับรายละเอียดคดีดังกล่าวนี้เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 49/2566, อท 52/2566, อท 54/2566, อท 55/2866, อท 61/2566 ซึ่งสำนวนคดีทั้งห้า ศาลสั่งรวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันในสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำ อท 49/2566 ที่ อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ นายอภิชาติ พืชพันธ์ นายสุธีร์ ทับหนองฮี นายชานนทร์ เกิดอยู่ นายชัยวัฒน์ แจ้งสว่าง นายวิทยา ศิรินทร์วรชัย นายพิเชษฐ อุทัยวัฒนานนท์ นายญัติพงค์ อินทรัตน์ นายเอกพงษ์ บุญชาย ซึ่งเป็นกลุ่มข้าราชการเจ้าหน้าที่เมืองพัทยา ที่อยู่ในกลุ่มพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างและ นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อครั้งดำรงตำเเหน่ง นายกเมืองพัทยา เป็นจำเลยที่ 1-10

โดยโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 6 ถึง 10 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157 และขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัทบาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

จำเลยทั้งสิบให้การปฏิเสธ ศาลกำหนดประเด็นที่ต้องวินิจฉัย 3 ประการ


ประเด็นที่ 1 มูลคดีนายกเมืองพัทยาและพวกออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ ให้แก่บริษัทบาลีฮาย จำกัด โดยจำเลยที่ 6 ถึง 10 เป็นเจ้าพนักงานและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้ววินิจฉัยมีใจความโดยสรุปว่า บริษัทบาลีฮาย จำกัด มีวัตถุประสงค์จะใช้ประโยชน์จากการมีพื้นที่ว่างโดยอ้างว่าเป็นที่ครอบครองเพื่อไม่ให้พื้นที่โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ ติดทางสาธารณะ 2 ด้าน อันจะทำให้อาคารที่ขออนุญาตก่อสร้างไม่ถูกจำกัดความสูงในด้านที่ติดกับถนนสาธารณะภายในโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือท่องเที่ยวและถมทะเลบริเวณพัทยาใต้ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ และไม่มีสิทธิยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างเพราะด้านที่ติดถนนในโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าว ซึ่งแคบกว่าถนนพัทยาสาย 3 ตัวอาคารมีความยาวเกินกว่ากฎหมายกำหนด คำขออนุญาตก่อสร้างยื่นเมื่อวันที่ 1 พ.ค.51 จำเลยที่ 10 มีคำสั่งออกใบอนุญาตเมื่อวันที่ 10 ก.ย.51

 จึงเชื่อว่ากระบวนการทำคำสั่งของจำเลยที่ 9, 8, 6, 7 เเละที่ 10 ตามลำดับชั้น มีการพิจารณารายละเอียดคำขออย่างครบถ้วน แต่จำเลยที่ 6-10 กลับไม่แสดงให้เห็นเลยว่า มีการพิจารณารูปทรงอาคารที่ขออนุญาตก่อสร้างมีความเหมาะสมกับพื้นที่โครงการหรือไม่ อาคารที่สร้างมีขนาดใหญ่พิเศษ มีด้านกว้างในส่วนที่ใกล้กับโครงการก่อสร้างท่าเรือท่องเทียวและถมทะเลบริเวณพัทยาใต้ ขนาดความกว้างประมาณ 90 เมตร มีความสูงประมาณ 180 เมตร จึงเห็นได้โดยชัดว่าจะต้องบดบังเขาพัทยาอย่างแน่นอน แม้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะไม่แสดงข้อมูลนี้อย่างชัดเจน เมืองพัทยามีหน้าที่ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จำเลยที่ 9, 8, 6, 7 เป็นพนักงานเมืองพัทยา จำเลยที่ 10 เป็นนายกเมืองพัทยา ย่อมต้องทราบสภาพแวดล้อมในพื้นที่เมืองพัทยาและต้องมีแผนงานและเป้าหมายให้การก่อสร้างอาคารสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมตามอำนาจหน้าที่ เมื่ออาคารที่ขออนุญาตก่อสร้างเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการบดบังเขาพัทยาที่จัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของเมืองพัทยา จำเลยที่ 9, 8, 6, 7 เเละที่ 10

จึงปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นการกระทำร่วมกันโดยมุ่งหมายให้เป็นผลสำเร็จจนถึงวันที่จำเลยที่ 10 มีคำสั่งออกใบอนุญาต การกระทำของจำเลยทั้งห้ามีเจตนาให้เมืองพัทยาได้รับความเสียหายเพราะการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษตามคำขอย่อมมีผลกระทบต่อภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวของเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก และการอนุญาตให้บริษัทบาลีฮาย จำกัด ก่อสร้างอาคารโดยมีพื้นที่ใช้สอยมากเกินกว่าที่จะมีสิทธิยื่นคำขอโดยชอบตามกฎหมายควบคุมอาคารและกฎกระทรวง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามบทบัญญัติความผิดตามมาตรา 157 ในส่วนการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เมืองพัทยา การกระทำของจำเลยที่ 9, 8, 6, 7 เเละที่ 10 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ประเด็นที่ 2 ฟ้องโจทก์ประเด็นข้อ 1 สำหรับจำเลยที่ 6-10 ขาดอายุความหรือไม่ ศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้ววินิจฉัยมีใจความโดยสรุปว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีพฤติการณ์ไม่ได้มุ่งหมายให้การดำเนินคดีอยู่ภายในกรอบเวลาการฟ้องคดีภายในวันที่ 10 ก.ย.2566 โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 6-10 เกินระยะเวลา 15 ปี นับแต่วันที่กล่าวหาว่ากระทำความผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความ กรณีจึงไม่ต้องวินิจฉัยการนำบทบัญญัติกฎหมายที่แก้ไขใหม่มาใช้บังคับแก่คดีได้หรือไม่ตามข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งห้า เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป จำเลยที่ 6-10 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 แต่คดีขาดอายุความแล้ว จึงต้องยกฟ้องโจทก์ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง

ประเด็นที่ 3 มูลคดีที่รักษาการนายกเมืองพัทยาและพวกต่ออายุใบอนุญาตก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ ให้แก่บริษัทบาลีฮาย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่

ศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้ววินิจฉัยมีใจความโดยสรุปว่า กรณีที่จำเลยที่ 5, 4, 3, 2 ซึ่งทำความเห็นเพื่อมีคำสั่งต่ออายุใบอนุญาต และจำเลยที่ 1 มีคำสั่งต่ออายุใบอนุญาต จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้เมืองพัทยามีการตรวจสอบการก่อสร้างอาคารที่ไม่แล้วเสร็จในลักษณะการทบทวนเหตุผลที่จะออกใบอนุญาตฉบับใหม่ แม้บริษัทบาลีฮาย จำกัด จะอ้างเหตุประสบปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะขาดเงินลงทุน แต่ไม่เพียงพอที่จะนำมาเป็นเหตุหลีกเลี่ยงกฎหมายที่มุ่งประสงค์จะคุ้มครองความปลอดภัยของการใช้อาคาร การกระทำของจำเลยที่ 5, 4, 3, 2, 1 จึงมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่เมืองพัทยา และในส่วนของจำเลยที่ 6 รู้อยู่แล้วว่าการออกใบอนุญาตกระทำโดยไม่ชอบ การเสนอให้ต่ออายุใบอนุญาตจึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาให้ใบอนุญาตนั้นมีผลใช้บังคับต่อไปอันเป็นการสร้างความเสียหายให้แก่เมืองพัทยามาแต่ต้น

การกระทำของจำเลยที่ 5, 4, 3, 2, 1 จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เมืองพัทยา หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้เมืองพัทยาได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยทั้งหกนี้จึงเป็นการกระทำความผิดเพื่อให้มีผลเป็นการต่ออายุใบอนุญาตแก่บริษัทบาลีฮาย จำกัด แต่เนื่องจากการออกใบอนุญาตให้แก่บริษัทบาลีฮาย จำกัด กระทำโดยไม่ชอบ

จึงต้องถือว่าไม่มีใบอนุญาตที่จะเป็นเหตุให้พนักงานเมืองพัทยาและนายกเมืองพัทยามีหน้าที่พิจารณาต่ออายุ ดังนั้น เฉพาะการกระทำของจำเลยที่ 5, 4, 3, 2, 1 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตก่อสร้างมาแต่ต้น จึงกระทำโดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดตามฐานความผิดดังกล่าว แต่การกระทำนั้นไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะไม่มีใบอนุญาตอันเป็นเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทำ (ใบอนุญาตที่ออกให้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย) ซึ่งทำให้จำเลยดังกล่าวไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติ การกระทำของจำเลยที่ 5, 4, 3, 2,ท1 จึงเป็นการพยายามกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81

พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-5 ตามสำนวนคดีที่หนึ่งมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานพยายามปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐพยายามปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ที่เป็นไปไม่ได้โดยแน่แท้ จำเลยที่ 6 ตามสำนวนคดีที่สอง มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด 

การกระทำของจำเลยทั้งหกเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1-5 ตามกฎหมายบทที่มีอัตราโทษหนักที่สุด ให้จำคุกจำเลยที่ 5 ไว้ 1 ปี ลงโทษปรับจำเลยที่ 1, 2, 3 คนละ 5 หมื่นบาท และให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 4 จำนวน 2 หมื่นบาท การกระทำของจำเลยที่ 6 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามกฎหมายบททีมีอัตราโทษหนักที่สุด ให้จำคุกจำเลยที่  6 ไว้ 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 6-10 ในสำนวนที่สาม ที่สี่ และที่ห้า
กำลังโหลดความคิดเห็น