ระยอง - เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน จ.ระยอง ยื่นหนังสือ รมว.อุตสาหกรรม ขณะลงพื้นที่ติดตามเหตุถังเก็บสารเคมีมาบตาพุดแทงค์ระเบิด จี้เร่งสอบสวนสาเหตุไฟไหม้ให้กระจ่าง หลังเกิดเหตุซ้ำซากติดต่อกัน 3 ครั้ง สับยับไม่เคยดูแล
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (10 พ.ค.) น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางมาสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง เพื่อติดตามสถานการณ์เหตุถังเก็บสารซีไนท์พลัส (C9+) บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เกิดการระเบิดและมีเพลิงไหม้จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 5 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยมีนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วย รศ.วีริศ อัมรปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสหากรรมแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ พร้อมเข้ารับฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารบริษัทต้นเหตุ
ขณะที่ นายสุรินทร์ สินรัตน์ ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน จ.ระยอง ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ใช้อำนาจเร่งรัดสอบสวน และเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุไฟไหม้ทุกครั้งให้กระจ่าง
หลังที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้เคยไฟไหม้แล้วถึง 3 ครั้ง และขอให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนโดยทั่วกัน รวมทั้งให้แจ้งถึงมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ และมาตรการเยียวยาประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนเป็นการด่วน
โดยให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมาบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ไม่เคยชี้แจงถึงสาเหตุไฟไหม้ใน 3 ครั้งที่ผ่านมาให้ประชาชนได้ทราบ รวมถึงการสร้างมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ
ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน จ.ระยอง ยังบอกอีกว่า บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด ไม่เคยเหลียวแลประชาชนที่ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยอย่างเป็นรูปธรรม จนทำให้ประชาชนในพื้นที่ขาดความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการในเรื่องภาคอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่แม้ว่าจะอยู่ในเขตควบคุมมลพิษแต่ยังปล่อยให้เกิดเหตุซ้ำซากขึ้นอีก
นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนกลุ่มตัวแทนชาวบ้านชุมชนตากวน ร่วมยืนหนังสือเรียกร้องดังกล่าวด้วย
ด้าน น.ส.พิมพ์ภัทรา เผยหลังการประชุมว่านอกจากจะต้องขอโทษประชาชนในพื้นที่รายรอบพื้นที่จุดเกิดเหตุและชาวระยองแล้ว ตนยังต้องขอขอบคุณไปยังทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยกันดับไฟที่เกิดขึ้นตามมาตรการที่วางไว้จนสามารถคืนพื้นที่ได้เร็วที่สุด
แต่เรื่องสำคัญที่สุดคือ การมีประชาชนที่ประสบภัย รวมถึงผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทางบริษัทได้รับปากว่าพร้อมเยียวยา และช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับ กนอ.และทางจังหวัดที่พร้อมจะเข้าให้การช่วยเหลือ
“ส่วนเรื่องของวิธีการจัดการ คงจะต้องใช้เวลาว่าการเกิดไฟไหม้ถังสารเคมีในครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใด จึงต้องให้เวลาในการทำงานเพื่อให้ผลที่ชัดเจน ขณะที่การเกิดเหตุซ้ำซากต้องมีการเข้มงวดกับมาตรการ หรือทบทวนแผนป้องกันเหตุกันต่อไป”
น.ส.พิมพ์ภัทรา ยังเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบหลังเพลิงสงบ พบว่า มีถังสารโซลีนถูกไฟไหม้เพียง 1 ถังเท่านั้น โดยขณะทีมงาน NPC ยังคงมีเจ้าหน้าที่แสตนด์บายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการใช้โดรนตรวจจับความร้อน และมีการฉีดน้ำหล่อเย็นไว้ตลอดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
ขณะที่ นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปูนใหญ่ (SCC) เผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะเกิดเหตุได้มีพนักงานจำนวน 4 คน ขึ้นไปตรวจระดับของสารภายในถัง ไม่ใช่การขึ้นไปปิดวาล์วถังตามที่มีกระแสข่าว แต่ทางบริษัทขอรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น และเสียใจ ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้คงจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ
“บริษัทได้ทำประกันอัคคีภัยไว้หลายบริษัท และจะต้องรอให้บริษัทประกันอัคคีภัย เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อน ส่วนเรื่องเงินเยียวยาบริษัทจะช่วยเหลือเต็มที่” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปูนใหญ่ (SCC) กล่าว
โดยหลังการรับฟังบรรยายสรุป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้เดินทางไปดูถังเก็บสารเคมีที่ระเบิด รวมทั้งลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนที่เดินทางมาตรวจสุขภาพ ที่ศาลาชุมชนตากวน ก่อนเดินทางกลับ