ระยอง - ผู้บริหารมาบตาพุดแทงค์เทอร์มินอล แถลงแสดงความเสียใจเหตุถังเก็บสารเคมีระเบิดและลุกไหม้จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ยันช่วงเกิดเหตุมีคนงานขึ้นไปวัดปริมาณสารซีไนพลัสในถังที่มีจำนวน 8,000 คิวจนเกิดการระเบิด ยันจากนี้เฝ้าระวังต่อเนื่อง พร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
เมื่อเวลา 20.00 น.วันนี้ (9 พ.ค.) นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วยนายคณพศ ขุนทอง รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายอัธยา นวลอุทัย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ระยอง รวมทั้งนายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทซิเมนต์ไทยโฮลดิ้ง จำกัด และผู้บริหารบริษัทมาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แถลงข่าวการเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีของ บ.มาบตาพุด แท็งค์ เทอร์มินอล จำกัด จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ ที่ศูนย์บัญชาการตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉิน เทศบาลเมืองมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง
โดยนายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เมื่อเวลา 10.45 น.ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ถังเก็บสารซิไนพลัส สารผลิตปิโตรเคมี สารตั้งต้นโซเวนท์ โดยมีพนักงานขึ้นไปตรวจวัดปริมาณสาร 4 คน บนถังเก็บที่มีปริมาณอยู่ในถัง 8,000 คิว ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเกิดจากสาเหตุใด
"รู้แต่ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ และมีพนักงาน 4 คนตกจากที่สูง จนทำให้ถูกไฟลวกเสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย นอกจากนี้ ยังมีพนักงานดับเพลิงได้รับบาดเจ็บขณะเข้าระงับเหตุอีก 2 ราย โดยขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัทได้ใช้ทั้งน้ำและโฟมระงับเพลิง จนกระทั่งเพลิงได้ดับลงประมาณ 12.00 น. แต่เนื่องจากถังที่ถูกไฟไหม้ยังมีความร้อนอยู่จึงทำให้ไฟปะทุขึ้นมาอีกรอบเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. โดยไฟไหม้เสียหายเพียง 1 ถัง แลในเวลา 18.00 น.จึงสามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้"
นายธรรมศักดิ์ ยังบอกอีกว่าหลังเพลิงสงบเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจอุณหภูมิถังเคมีทุกชั่วโมงเพื่อป้องกันไฟปะทุขึ้นอีก โดยพบอุณหภูมิอยู่ที่ 47-50 องศาเซลเซียส ถือว่ากลับมาอยู่ระยะที่เกือบปกติ ซึ่งจะมีการเฝ้าระวังจนมั่นใจว่าปลอดภัยจึงจะดึงสารในถังออกมาให้หมด
"ส่วนอีกเรื่องคือต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต ซึ่งทางบริษัทจะดูแลเต็มที่โดยเฉพาะบุตรจะส่งให้เรียนจนจบปริญญา และผู้บาดเจ็บทั้งพนักงาน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะรับผิดชอบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจะดำเนินการหาสาเหตุ เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ"
ขณะที่ประชาชนซึ่งอพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร ทางบริษัทจะได้มีตรวจคัดกรองว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ และจะเฝ้าระวังต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นขณะนี้หลังทราบข่าวไฟดับแล้ว ได้มีการกลับเข้าบ้านเรือนตัวเองหมดแล้ว
ด้าน นายอัธยา นวลอุทัย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ระยอง เผยว่า จ.ระยอง ได้ประกาศให้ชุมชนหนองแฟบ ชุมชนตากวน และอ่าวประดู่ เป็นพื้นที่ประสบเหตุสาธารณภัยแล้วเพื่อให้การดำเนินการเข้าระงับได้สะดวก และให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่