ลำปาง - คลังปิโตรเลียมลำปางย้ำถังแก๊สปลอดภัย อย่าวิตกกังวล หลังเกิดเหตุไฟไหม้ที่มาบตาพุด ยันถังมีระบบ Safety Valve ได้มาตรฐาน ความร้อน แรงดันแทบไม่มีผลกระทบใดๆ พร้อมอนุญาตสื่อขึ้นดูการทดสอบระบบเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน
วันนี้ (9 พ.ค.) หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ถังเก็บสารไพโรไลซิส แก๊สโซลีน ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ทำให้ชาวลำปางเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวถังเก็บก๊าซ LPG ขนาดใหญ่ของคลังปิโตรเลียมจำนวน 2 ถัง ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองลำปาง ซึ่งแต่ละถังมีความจุถังละ 1,000 ตัน รวม 2,000 ตัน แต่ทางคลังปิโตรเลียมได้บรรจุจริงประมาณถังละ 800-850 ตันต่อถัง เพื่อให้มีช่องว่างในการระบายแรงดันภายในถัง ซึ่งที่ผ่านมาด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด ประกอบกับข่าวการเกิดไฟไหม้ดังกล่าวทำให้ชาวลำปางเกิดความวิตกกังวล
ล่าสุด นายอนุวัฒน์ น้อยจันทร์ ผู้จัดการส่วนคลังปิโตรเลียม ลำปาง ได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวขึ้นไปบนถังแก๊สดังกล่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของคลังปิโตรเลียมและเจ้าหน้าที่ของบริษัท ศิวะ เทสดิ้ง อินสเพ็คชั่น แอนด์ซัลติ้ง จำกัด ดูการตรวจสอบและทดสอบระบบความปลอดภัย ระบบเซฟตี้ของถังโซเฟียที่บรรจุก๊าซดังกล่าว เพื่อต่อใบอนุญาต ประจำปี 2567 และคลายความกังวลใจด้านความปลอดภัย
แต่ไม่สามารถใช้กล้องขนาดใหญ่ถ่ายรูปหรือวิดีโอได้ เจ้าหน้าที่ของบริษัทใช้เพียงกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กถ่ายภาพนิ่งระหว่างการทำงานเท่านั้น เนื่องจากเกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยของระบบการทำงานอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
นายอนุวัฒน์ น้อยจันทร์ ผู้จัดการส่วนคลังปิโตรเลียม ลำปาง กล่าวว่า ตามกฎหมาย ทุก 1 ปีจะต้องมีการตรวจสอบระบบเซฟตี้ของถังโซเฟีย โดยจะมีบริษัทเอกชนที่ได้รับอนุญาตร่วมกับกรมธุรกิจพลังงานเข้ามาตรวจสอบระบบนิรภัยหรือ Safety Valve หรือวาล์วระบายแรงดัน หรือที่ช่างเรียกว่า รีลีฟวาล์ว คืออุปกรณ์ที่ป้องกันไม่ให้ระบบของเครื่องทำความเย็นเกิดความเสียหาย ในกรณีเมื่ออุณหภูมิและความดันของสารทำความเย็นในระบบด้านความดันสูงสูงเกินกว่าปกติ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และสามารถใช้งานได้จริง ได้มาตรฐาน และทุก 5 ปีก็จะต้องมีการถอดอุปกรณ์ชิ้นส่วนออกมาทำความสะอาดและเช็กความสมบูรณ์ของระบบการทำงาน รวมถึงเช็กความหนาของถัง ทดสอบความดันถัง ทดสอบการรับน้ำหนักของเสา ทดสอบการรับแรงดัน ทั้งหมดให้อยู่ในสภาพใช้งานได้จริงตามมาตรฐาน จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจว่า ปตท.อยู่กับชาวลำปางมายาวนาน ยังคงรักษามาตรฐานความปลอดภัยเช่นเดิม ขออย่าวิตกกังวล
ด้านนายวิทูล อุดมสุทธิ์รักษา ซูเปอร์ไวเซอร์ แผนกตรวจสอบถังแอลพีจีและหม้อไอน้ำ 2 บริษัท ได้กล่าวหลังลงมาจากการตรวจสอบระบบทั้งหมดว่า จากการตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้นยังไม่มีปัญหา สามารถทำงานได้ตามปกติ โดยแต่ละปีทางบริษัทฯ จะต้องมาตรวจสอบอุปกรณ์ เน้นที่ Safety Valve โดยทำการถอดตัว Safety Valve ออก แล้วใส่ชุดทดสอบเข้าไป เพื่อทดสอบว่าหากแรงดันเกินค่ามาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 16.3 bar โดยมีค่า blowdowe 3% ระบบ Safety Valve จะต้องเปิดเพื่อระบายแรงดันออกมาจากถัง เพราะหากไม่เปิดก็จะเกิดอันตราย ซึ่งถังก๊าซที่มีความจุขนาดนี้จะมีการใช้ระบบ Safety Valve รวม 2 ตัวต่อถัง ซึ่งทำงานปกติ
ส่วนสาเหตุอะไรที่จะกระทบการทำงานของถังได้บ้าง นายวิทูลกล่าวว่า ก็จะเกิดจากไฟ แต่ทางคลังมีระบบสเปรย์น้ำคลุมโดยรอบถังและรอบบริเวณอยู่แล้วอัตโนมัติ ซึ่งก็ยังไม่เห็นข้อบกพร่องใดๆ
นายสุวัชระ จัทรเดช ช่างเทคนิค กล่าวว่า ทางบริษัทมีหน้าที่ในการตรวจสอบระบบความปลอดภัยด้านความดันต่างๆ ของถังเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและได้รับการรับรองในการต่อใบอนุญาต ทุกงานมีความเสี่ยงเพียงแต่ว่าเราจะใช้เกณฑ์ไหนในการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจมากที่สุด สำหรับบริษัทฯ เน้นการตรวจสอบอุปกรณ์ทุกส่วน Safety Valve ตัวระบายแรงดัน ตัวควบคุมระบบฉุกเฉิน
ส่วนความร้อนจะมีส่วนทำให้ถังหรือระบบมีปัญหาหรือไม่ นายสุวัชระกล่าวว่า ความร้อนทำให้แรงดันขยายตัวได้แต่ถังโซเฟียนี้ได้ออกแบบมาแล้วว่าสามารถรับแรงดันได้เท่าไหร่ และมีตัวช่วยระบายซึ่งก็จะตรวจสอบและทดสอบทุกปีอย่างที่มาตรวจสอบในวันนี้ และภายในถังจะเป็นอุณหภูมิติดลบอยู่แล้วจึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องความร้อนในปัจจุบันแทบไม่มีผลอะไรนอกจากว่าเกิดไฟไหม้รุนแรง นานๆ แต่คลังก็มีระบบควบคุมอยู่ ซึ่งตนในฐานะที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบดูแล้วเป็นไปได้ยากมาก แทบเป็นไปไม่ได้จริงๆ