ร้อยเอ็ด - ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาผู้ทรงภูมิปัญญาและมีคุณูปการต่อภาคเกษตรไทยชาวร้อยเอ็ดฟันธงอีกคน ข้าวเก่าเก็บ 10 ปีไม่เหลือคุณค่าทางโภชนาการแม้แต่นิด สารอาหารถูกย่อยสลายไปหมดแล้ว แนะหากจะเก็บข้าวสารไว้นานและคงสภาพเดิมต้องแช่แข็งในอุณหภูมิติดลบ 15 องศาฯ เท่านั้น
นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาผู้ทรงภูมิปัญญาและมีคุณูปการต่อภาคเกษตรไทย อธิบายกระบวนการที่จะรักษาคุณภาพข้าวได้ยาวนาน มี 2 วิธี วิธีแรก คือการแทนค่าออกซิเจนด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ หรือไนโตรเจน เพื่อลดกระบวนการออกซิเดชัน หรือกระบวนการย่อยสลายตัวเองตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับอาหารหรือพืชทุกชนิด และการเอาไปแช่แข็งที่อุณหภูมิ (ลบ) -15 องศาเซลเซียส
แต่เมื่อดูจากการเปิดโกดังเก็บข้าวสารที่ จ.สุรินทร์เมื่อหลายวันก่อนแล้ว ทำให้กังวลอยู่ว่าคุณค่าทางอาหารอาจถูกย่อยสลายตามธรรมชาติไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้ข้าวที่นำมารับประทานไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ทั้งนี้ การรมยาข้าวด้วยเมทิลโบรไมด์โดยการอบซ้ำกันหลายครั้งจะมีสารตกค้าง ไม่ควรเอามาบริโภคสำหรับสิ่งมีชีวิต ควรเอาไปทำอย่างอื่น เช่น เยื่อกระดาษ เม็ดพลาสติก เอาไปเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงไก่-หมู ก็ไม่ควร เพราะมีสารตกค้าง เมื่อคนไปกินหมูกินไก่สารก็มาตกค้างที่ตัวคนเหมือนเดิม
ดังนั้นในข้อเท็จจริงในเชิงวิชาการ ไม่ใช่เชิงการเมือง จึงเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าวสารเก็บนานนับ 10 ปีในโกดังที่เปิดดูกันและนำไปหุงกินโชว์จะยังเหลือสารอาหารหรือคุณค่าทางโภชนาการ
ที่สำคัญ การนำข้าวสารจากโครงการรับจำนำข้าวที่ถูกเก็บไว้นานกว่า 10 ปี ออกมาประมูล อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของคุณภาพข้าวไทย ทำให้คู่ค้าเกิดความไม่มั่นใจที่จะสั่งซื้อข้าวจากประเทศไทยในระยะยาว ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับข้าวไทยในตลาดส่งออกต่างประเทศ