อุทัยธานี - สะท้อนพิษภัยแล้งหนัก..แหล่งน้ำหลักแห้งขอดยันบ่อบาดาล ชาวบ้านจำใจแปลงผักตายคาสวน ทำครอบครัวขาดรายได้หลัก ต้องพึ่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเลี้ยงครอบครัว 5 ชีวิต
พิษภัยแล้ง และอากาศที่ร้อนจัดอย่างต่อเนื่องในขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อเกษตรกรเป็นวงกว้าง อย่างล่าสุดพบว่า ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพปลูกผักขายในหมู่บ้านขาดแคลนแหล่งน้ำหลัก ไม่เว้นน้ำบ่อบาดาล แหล่งน้ำต้นทุนสุดท้ายที่เอาไว้ใช้รดน้ำผักที่ปลูกไว้ได้แห้งขอดลงแบบที่ไม่เคยคาดคิด ส่งผลให้ผักที่ปลูกลงแปลงไว้ทยอยแห้งเฉาขาดน้ำตายลง ต้องจำใจปล่อยแปลงผักให้ทิ้งร้างไปพร้อมๆ กับการขาดรายได้ประจำมาจุนเจือครอบครัว
นางณัฏฐา สีทิน อายุ 41 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 7 ต.หนองกลางดง อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี อุ้มลูกน้อยพาผู้สื่อข่าวเดินเข้าไปดูแปลงผักของตัวเองที่ยึดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว แต่ตอนนี้อยู่ในสภาพเหี่ยวแห้งตายจากอากาศที่ร้อนจัดและขาดน้ำ พร้อมกับเล่าว่า ปีนี้ภัยแล้งรุนแรงมาก ตนกับสามีมีอาชีพปลูกผักขาย ซึ่งจะปลูกกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ผักชี ขึ้นฉ่าย ต้นหอม แตงกวา ถั่วฝักยาว และบวบ เป็นต้น
ก่อนหน้านี้จะใช้น้ำจากแหล่งน้ำในคลองตลุกหมู แต่ตอนนี้น้ำในคลองแห้งลงอย่างสิ้นเชิง จึงมาอาศัยบ่อน้ำบาดาลที่ขุดไว้ ซึ่งมีความลึกประมาณ 15 เมตร ใช้ลดน้ำผักดังกล่าว ซึ่งก็พอที่จะประคับประคองไปได้ แต่ล่าสุดน้ำในบ่อบาดาลนี้ก็แห้งลงอีก ทำให้ตอนนี้หมดหนทางที่จะหาน้ำมาใช้รดผักที่ปลูกไว้ได้ จำใจปล่อยให้แปลงผักแห้งเหี่ยวเฉาตายไปอย่างที่เห็น
“รู้สึกเสียดายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ปีนี้เพิ่งจะลงแปลงปลูกผักได้ 2 รอบเท่านั้น ปีที่ผ่านมาว่าแล้งแล้วแต่ก็ไม่หนักขนาดนี้ เพราะแม้คลองธรรมชาติจะแห้งลง แต่ก็ยังมีน้ำบ่อใช้ได้ตลอดฤดูกาล แต่ปีนี้แล้งมากๆ ขนาดบ่อบาดาลยังแห้งขอดลงได้”
นางณัฏฐาบอกว่า จากที่ครอบครัวเคยมีรายได้จากการขายผักที่ปลูกทั้งหมดวันละ 400-500 บาท พอเลี้ยงปากท้องได้ไม่ลำบาก ตอนนี้กลับขาดรายได้อย่างไม่ทันตั้งตัว ซ้ำยังไม่มีรายได้เสริมรองรับ ทำให้ระหว่างที่หาหนทางสร้างรายได้กันใหม่ ต้องพยายามใช้เงินกันอย่างประหยัด อาศัยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของตัวเองและสามีเป็นค่ากับข้าวประทังชีวิตไปเท่านั้น หากเจ็บป่วยก็ต้องยืมเงินญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านไปหาหมอ ยอมรับว่าตอนนี้ครอบครัวตกอยู่ในความลำบาก เพราะมีลูกที่ต้องเลี้ยงดูอีก 3 คน รวมเป็น 5 ชีวิตด้วย
