เชียงใหม่ - สองผัวเมียเชียงใหม่โคตรซวย ตกเป็นผู้ต้องหาถูก ตร.สันทราย แจ้งข้อกล่าวหาและพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จสรรพเตรียมส่งฟ้องอัยการ เหตุเพราะสายสื่อสารหย่อนกีดขวางทางเข้าออกบ้าน จึงยกขึ้นพาดรั้วบ้านข้างเคียง แต่ถูกเพื่อนบ้านแจ้งความดำเนินคดีแบบไม่มีบอกกล่าว จนเครียดหนักถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ ขณะที่ "ปลัดจอมแฉ" กระโดดช่วย เชื่อทั้งคู่ไม่มีเจตนา พร้อมชี้ต้นตอปัญหามาจากความบกพร่องของหน่วยงานรับผิดชอบ
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) ลงพื้นที่ตำบลหนองแหย่ง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนว่าสองสามีภรรยาคู่หนึ่งได้รับความเดือดร้อนและรู้สึกทุกข์ทรมานใจอย่างหนัก เนื่องจากต้องตกเป็นผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีที่สถานตำรวจภูธรสันทราย จากการที่ได้ดึงสายสื่อสารที่หย่อนลงมาขวางทางเข้าออกบ้านแล้วนำไปพาดไว้กับรั้วของบ้านที่อยู่ติดกัน ซึ่งต่อมาเพื่อนบ้านได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาสองสามีภรรยา พร้อมให้พิมพ์ลายนิ้วมือแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 67 และส่งฟ้องอัยการในวันที่ 17 พ.ค. 67
ทั้งนี้ สองสามีภรรยาเปิดเผยว่า เมื่อช่วงปีใหม่ 2567 ประมาณเดือน ม.ค. 67 ที่ผ่านมา ขับรถเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดและกำลังจะกลับเข้าบ้าน พบว่าสายสื่อสารที่พาดอยู่บนเสาไฟฟ้าหย่อนลงมากีดขวางทางเข้าออกบ้าน จึงได้ทำการยกขึ้นเพื่อให้รถสามารถเข้าบ้านได้ และแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบเพื่อประสานบริษัทเอกชนเจ้าของสายสื่อสารให้ปรับปรุงแก้ไข โดยระหว่างรอการแก้ไขนั้นต้องแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการยกสายสื่อสารขึ้นลงทุกครั้งเพียงเพื่อให้พอสามารถเข้าออกบ้านได้เท่านั้น ซึ่งผ่านไปหลายวันแล้วโดยที่ทางบริษัทเอกชนเจ้าของสายสื่อสารไม่ได้มาแก้ไข จนกระทั่งวันหนึ่งมีรถกระบะตู้ทึบสูงจะเข้ามาส่งของที่บ้าน จึงต้องใช้ไม้ช่วยยกสายให้สูงขึ้นและพาดสายไว้กับรั้วของเพื่อนบ้านที่มีการติดตั้งต่อเติมด้วยเมทัลชีตแล้วลืมเอาลง และจากนั้นตัวเองทั้งคู่ได้เดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด และทราบว่าต่อมาทางบริษัทเอกชนเจ้าของสายสื่อสารจึงได้เข้ามาทำการแก้ไข
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าในช่วงที่ตัวเองทำงานรับจ้างอยู่ต่างจังหวัดได้รับแจ้งจากทางบ้านว่าเพื่อนบ้านได้นำกรณีที่เกิดขึ้นไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีตนทั้งสองคน ระบุว่าการนำสายสื่อสารไปพาดไว้ที่รั้วนั้นทำให้เพื่อนบ้านและครอบครัวเสี่ยงอันตราย ซึ่งรู้สึกตกใจและหวาดกลัวอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อล่าสุดพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้เชิญให้ตนทั้งสองคนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและพิมพ์ลายนิ้วมือที่สถานีตำรวจภูธรสันทราย พร้อมนัดส่งฟ้องอัยการในวันที่ 17 พ.ค. 67 โดยไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ซึ่งยอมรับว่าตัวเองมีส่วนผิดที่นำสายไปพาดไว้แล้วลืมเอาลง แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องถึงขั้นต้องตกเป็นผู้ต้องหา ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เพื่อนบ้านน่าจะบอกกล่าวพูดคุยกันได้ ทำให้ต้องขอคำปรึกษาจากนายบุญญฤทธิ์
ขณะที่นายบุญญฤทธิ์เปิดเผยว่า เบื้องต้นเข้าใจเพื่อนบ้านที่แจ้งความดำเนินคดีสองสามีภรรยาคู่นี้ เพราะอาจจะได้รับความเดือดร้อนจึงใช้สิทธิเข้าแจ้งความดังกล่าว อย่างไรก็ตามรู้สึกเห็นอกเห็นใจสองสามีภรรยาเป็นอย่างยิ่งเช่นกันที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาดำเนินคดีในเรื่องนี้ ซึ่งเชื่อว่าทั้งคู่ไม่มีเจตนา และความจริงแล้วต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลทั้งเสาไฟและสายที่พาดผ่าน ซึ่งปล่อยปละละเลยจนเกิดปัญหาทำให้ประชาชนเดือดร้อนและเกิดข้อพิพาทตามมา โดยในส่วนของคดีความที่เกิดขึ้นนี้ สองสามีภรรยาคงต้องต่อสู้กันไปตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งจากการสอบถามแล้วทั้งคู่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนา และตัวเองพร้อมร่วมเป็นพยานให้ด้วย ขณะเดียวกันให้ทั้งคู่เข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้วกับบริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของสายสื่อสารต้นเหตุ รวมทั้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย เพื่อให้รับผิดชอบกรณีที่เกิดขึ้นและเป็นกรณีตัวอย่าง เพราะเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่ประชาชนจะต้องได้รับความเดือดร้อนและเกิดข้อพิพาทกัน จากความละเลยไม่ใส่ใจหรือข้อบกพร่องของหน่วยงานที่รับผิดชอบ