เมียวดี/แม่สอด - ตามส่องทุนเทาสารพัดกลุ่มในเมียวดี จุดพลิกผันสงครามกะเหรี่ยง-เมียนมา..มีทั้งหนีจากเมืองเล่าก์ก่าย-สีหนุวิลล์ ปักหลักจับมือกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่ทรงอิทธิพลในหัวเมืองชายแดนตรงข้ามแม่สอด ผุดทั้งแหล่งบันเทิง-กาสิโน ยันตั้งฐานแก๊งสกิมเมอร์ กลายเป็นถุงเงินใหญ่สมประโยชน์ได้ทุกฝ่าย
การสู้รบระหว่างกองกำลังทหารกะเหรี่ยง KNU และพันธมิตร กับทหารเมียนมาใน จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งกองกำลัง KNU และพันธมิตรเข้ายึดเมียวดีได้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. 2567 ก่อนที่เหตุการณ์จะพลิกผันเมื่อกองกำลังกะเหรี่ยง KNA ซึ่งเคยเป็นกองกำลังปกป้องชายแดน หรือ BGF ของกองทัพเมียนมา จะหันกลับไปช่วยทหารเมียนมาในตัวเมืองเมียวดี ขณะที่ KNU และพันธมิตรยกกำลังออกไปนอกเมืองเพื่อต้านทานการบุกยึดคืนของทหารเมียนมานั้น
สถานการณ์ทั้งหมดไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสถานบันเทิง กาสิโน รวมไปถึงแหล่งต้องสงสัยเป็นฐานแก๊งสกิมเมอร์ในเขตธุรกิจของ จ.เมียวดี ไม่ว่าจะเป็นที่เมืองใหม่ฉ่วยโก๊กโก่ เคเคปาร์ก และโครงการใหม่ๆ ที่จะกำลังก่อสร้างตามมา
ซึ่ง "ฉ่วยโก๊กโก่" ตั้งอยู่ตรงข้าม ต.แม่ปะ ต.แม่กาษา อ.แม่สอด และ ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด จ.ตาก มีประชากรกว่า 50,000 คน เคเคปาร์ก ตรงข้าม ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก มีประชากรกว่า 100,000 คนแล้ว สถานบันเทิงอื่นๆ อีกประมาณ 30 แห่ง รวมทั้งกำลังมีโครงการใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างและเปิดไปแล้วบางส่วน เช่น โครงการไทชางหรือกาสิโนเกาะทราย โครงการหวันหยาซึ่งว่ากันว่าจะสร้างให้ใหญ่เท่ากับเคเคปาร์ก และมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับคู่กรณีที่กำลังสู้รบกันอยู่
สาเหตุที่กลุ่มทุนเหล่านี้ยังคงเปิดได้ท่ามกลางสงครามและยังเป็นแหล่งพักของทหารเมียนมาพร้อมครอบครัวกว่า 600 คน ที่หลบหนีช่วงสู้รบใน จ.เมียวดีเมื่อกลางเดือนเมษายนดังกล่าว เพราะเป็น “ถุงเงิน” ของทุกฝ่าย โดยมีผู้ลงทุนเป็นกลุ่มทุนจากนอกประเทศรายใหญ่ที่จดทะเบียนที่กรุงเทพฯ และเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงก่อนจะทุ่มทุนสร้างเมืองใหม่ฉ่วยโก๊กโก่ มีการจัดหาที่ดิน ทำสัญญาซื้อกระแสไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตจากประเทศไทย และมีกลุ่มทุน-กองกำลังในรัฐกะเหรี่ยงลงนามในสัญญารับซื้อ เช่น พ.อ.ชิตตู่ ผู้นำกองกำลัง KNA พล.ท.โมตุน พล.ต.ทินวิน ฯลฯ
ส่วนโครงการไทซางที่กำลังก่อสร้างก็มีนายทหารกองกำลังชนกลุ่มน้อยยศพลจัตวา ซึ่งหนีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาจากเมืองเล่าก์ก่าย เขตปกครองพิเศษที่ 1 (โกกั้ง) ในรัฐฉานเหนือ เข้าไปลงทุนร่วมกับกลุ่มทุนที่หนีมาจากเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยกลุ่มทุนเหล่านี้เป็นพันธมิตรกับกะเหรี่ยงพุทธหรือ DKBA ขณะที่โครงการหวันหยาก็ดำเนินการในเขตอิทธิพลของซอ โรเจอร์ ขิ่น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ KNU
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนการสู้รบในเมียวดี กลุ่มจีนเทาได้แตกหนีมาจากพื้นที่ต่างๆ ที่รัฐบาลจีนส่งสัญญาณให้มีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งสกิมเมอร์ เพราะส่งผลกระทบต่อชาวจีนที่ตกเป็นเหยื่อและอาจมีการนำเงินที่ทุจริตจากจีนมาลงทุนหรือฟอกเงิน ทำให้ในรอบ 10-15 ปีมาประบความสำเร็จในหลายพื้นที่
เช่น เมืองลา เขตปกครองพิเศษที่ 4 รัฐฉาน ที่ทางการจีนใช้วิธีปิดด่านต้าล้อที่ติดกับเมืองลา,เมืองเล่าก์ก่าย เขตปกครองพิเศษที่ 1 (โกกั้ง) ที่จีนใช้วิธีสนับสนุนกองกำลัง MNDAA และพันธมิตรบุกโจมตีอดีตผู้นำโกกั้งคือนายไป๋โซวเฉิงที่ไม่ให้ความร่วมมือ จน MNDAA ได้รับชัยชนะและเข้ายึดเขตโกกั้งได้่ส่วนนายไป๋โซวเฉิงและพวกถูกจับกุมส่งไปดำเนินคดีในประเทศจีน
รวมทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ติดกับ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งมีนายจ้าวเหว่ยนักลงทุนจีนคนดังบริหารอยู่ก็ยอมให้ความร่วมมือ เช่นเดียวกับที่เมืองแผน เขตปครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) เมืองสีหนุวิลล์ และต่างประเทศอื่นๆ ส่งผลทำให้กลุ่มทุนจีนเทาหันไปลงทุนในโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ในเมียวดีแทน และคาดการณ์กันว่าได้ทำให้มีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านเหรียญหรัฐ และมีการจัดส่งให้กับทหารเมียนมา 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ที่ผ่านมาทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้และยังมีการขยายโครงการใหม่ๆ ออกไปอีก
ก่อนหน้านี้ประเทศจีนเคยตามไปปราบปรามถึง จ.เมียวดี โดยใช้การเจรจากับระดับรัฐบาลทหารเมียนมาและแม้แต่พูดคุยกับกลุ่มทุนจีนเทา จนทำให้มีการจับกุมผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลทหารเมียนมาได้ 1 คน ผู้นำเอกชนรายใหญ่ในเมียวดี 1 คน และอาชญากรออนไลน์รายย่อยอีก 900 คน ส่งไปดำเนินคดีที่ประเทศจีน รวมทั้งกลุ่มทุนจีนเทารับปากกับตำรวจจีนว่าจะไม่หลอกลวงชาวจีนอีกทำให้ทางการจีนได้เงียบไป
กระทั่งมีการสู้รบชิง จ.เมียวดี ในเดือน เม.ย. 2567 คาดว่า พ.อ.ชิตตู่ เกรงว่าจะมีการปราบปรามแก๊งจีนเทาเหมือนในเขตโกกั้งจึงเข้าร่วมกับ KNU และพันธมิตร อย่างไรก็ตามเมื่อยึดเมียวดีได้และสถานการณ์ผ่านไปพักใหญ่ก็ไม่มีการปราบปรามกลุ่มแก๊งต่างๆ
ขณะที่ พ.อ.ชิตตู่ เคยได้รับมอบหมายจาก พล.อ.โซวิน ผู้นำอันดับ 2 ของรัฐบาลทหารเมียนมารองจาก พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ให้บริหารพื้นที่ทั้งในรูปแบบ BGF และกลุ่มทุน รวมทั้งถูกข่มขู่ว่ากองทัพเมียนมาจะโจมตีฉ่วยโก๊กโก่ ทำให้ พ.อ.ชิตตู่หันไปช่วยทหารเมียนมาที่แตกทัพจากกองพันที่ 275 บ้านผาซองไปอยู่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 ให้กลับไปยังฐานบ้านผาซองเช่นเดิมป้จจุบนคาดว่ามีกำลังอยู่ราวๆ 100-200 นาย