พระนครศรีอยุธยา - ประกาศปิด รพ.ภาชี ชั่วคราว พร้อมอพยพผู้ป่วยออกนอกพื้นที่ด่วน หลังได้รับผลกระทบจากเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีพระนครศรีอยุธยา
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกประกาศปิด รพ.ภาชี ชั่วคราว พร้อมอพยพผู้ป่วยออกนอกพื้นที่ด่วน หลังได้รับผลกระทบจากเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี ล่าสุด เพลิงยังไม่ดับเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าอยู่
จากกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี ตั้งอยู่ริมถนนสายอุทัย-ภาชี หมู่ 2 อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นโกดังเก็บสารเคมี ของกลางในคดี 4 พันตัน จุดเกิดเหตุเป็นโกดังที่ 4 และ 5 เพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง กลุ่มควันดำพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า ส่งกลิ่นเหม็น เป็นวงกว้าง เมื่อช่วง 18.00 น.วันนี้ (1 พ.ค.)
ขณะที่ เมื่อเวลา 21.00 น. โรงพยาบาลภาชี ประกาศปิดบริการ เนื่องจากเกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีดังกล่าว ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลภาชีในระยะ 600 เมตร ทำให้โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ ขอปิดการให้บริการชั่วคราวทุกแผนก หากเจ็บป่วยฉุกเฉินให้ไปรับบริการที่โรงพยาบาลใกล้เคียง เจ็บป่วยทั่วไปให้ไปรับบริการที่ รพ.สต.ใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลสนามวัดโคกม่วง หากสถานการณ์ปกติพร้อมจะให้บริการ
สำหรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลภาชี ได้เร่งอพยพผู้ป่วยประมาณ 37 ราย ออกจากโรงพยาบาลไปโรงพยาบาลที่ได้มีการประสานเตรียมรองรับผู้ป่วยไว้แล้ว ได้แก่ โรงพยาบาลวังน้อย โรงพยาบาลท่าเรือ และโรงพยาบาลอุทัย หรือโรงพยาบาลที่สามารถรองรับได้ทั้งหมด รวมถึงที่โรงพยาบาลสนาน และศูนย์อพยพที่วัดโคกม่วง ตำบลโคกม่วง อำเภอภาชี
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสนานที่พร้อมรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการเตรียมที่นอน หมอน มุ้ง อาหาร น้ำดื่ม รวมถึงจัดทีมแทพย์มาคอยช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พบว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบบางส่วนเดินทางมาอยู่ในศูนย์อพยพแห่งนี้แล้ว
พระครูพิพัฒน์ ศาสนกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดโคกม่วง เจ้าคณะตำบลภาชี เปิดเผยว่าหลังจากได้รับการประสานก็พร้อมเปิดเป็นศูนย์อพยพได้ทันที ซึ่งตอนนี้มีมาแล้วบางส่วน ซึ่งตรงนี้สามารถรับได้เป็นร้อยคน และยังมีอาคารด้านในและโรงเรียน ซึ่งสามารถรองรับได้เรื่อยๆ พร้อมทั้งได้ประสานวัดในเขตปกครองไว้แล้วถ้าไม่เพียงพอหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน
ด้าน นางวาสนา บัวสมบัติ อายุ 70 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลโคกม่วง อำเภอภาชี ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มควันเข้าไปในบ้านต้องย้ายมาอยู่ที่ศูนย์อพยพ กล่าวว่า บ้านตนอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 200 เมตร ซึ่งพวกเราอยู่กันไม่ได้ต้องออกจากบ้านมาอยู่ที่แห่งนี้ ประมาณ 20 หลังคาเรือน อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งนำสารเคมีดังกล่าวออกไปจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด
ขณะที่ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมหาแนวทางการดำเนินการดับไฟ ร่วมกับนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่จากหลายส่วนเข้าร่วม
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เพลิงไหม้โกดังที่ 4 และ 5 ซึ่งข้างในมีสารเหล็ก สารอื่นๆ ที่มีการลักลอบนำเข้ามาเก็บไว้ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดี
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ด้านในมีสารเคมี ประเภทกรด น้ำมัน และสารเคมีที่ใช้งานแล้ว ซึ่งหากถูกไฟไหม้จะทำให้เกิดเป็นก๊าซ ซึ่งเราได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาแล้วเพื่อตรวจหาปริมาณของสาร โดยตั้งรถตรวจหาค่าไว้ที่หน้าอำเภอและที่โรงพยาบาลตามทิศทางลม ซึ่งขอทำการตรวจวัดหาค่าสารเคมีต่างๆ ก่อนพร้อมทั้งตรวจสอบด้วยว่ามีสารอะไรปนเปื้อนในอากาศออกมาบ้าง
ในส่วนสารเคมีทั้งหมดที่เหลือขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสั่งการให้เจ้าของโกดังเอาไปกำจัด แต่เขายังไม่ดำเนินการตอนนี้ มีอีกทางคือรัฐต้องนำไปทำเอง ซึ่งเพิ่งได้รับงบประมาณ ปี 2567 ขอไว้กำจัดสารที่ราชบุรี ต้องเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากที่ราชบุรีมาใช้ที่อยุธยาก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำทีโออาร์ เพื่อจัดจ้างกำจัด เบื้องต้นที่เราประเมิน ประมาณ 28 ล้าน แต่ได้งบปี 67 มาแค่ 6.9 ล้าน อย่างไรก็ตามจะนำมาทำตรงนี้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจนถึงเวลา(24.50 น.) ยังไม่สามารถดับเพลิงให้สนิทได้
