เพชรบูรณ์ - “พระรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” นำญาติโยมวัดป่าภูทับเบิกขึ้นโรงพักตามคดีไฟป่าลามหวิดเผาวัดวอด-ญาติโยมผู้ปฏิบัติธรรมต้องหนีกันโกลาหล เชื่อเกิดจากฝีมือคนแน่นอน เผยบินตรวจส่องเจอต้นเพลิงเกิดพร้อมกันถึง 5 จุด
ความคืบหน้ากรณีเกิดไฟไหม้ป่าบนภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ อย่างรุนแรง ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา และเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าไผ่แห้ง ติดไฟง่าย ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วไปจนเกือบถึงวัดป่าภูทับเบิก ที่มีผู้มาปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมากต้องหนีออกจากวัดไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย
ขณะที่ชาวบ้านรวมทั้งรถดับเพลิงจาก อบต.และเทศบาลในพื้นที่อำเภอหล่มเก่า ได้ระดมกำลังกันช่วยดับไฟ กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น.จึงสามารถควบคุมพื้นที่ไว้ได้ แต่ก็ยังมีบางจุดที่รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้ถึง เช่นในป่าไผ่ลึก เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องสะพายเป้เพื่อนำน้ำเข้าไปดับไฟบริเวณดังกล่าว
รวมทั้งขณะนี้ได้มีการตั้งกองอำนวยการสำหรับเฝ้าระวังไฟป่าที่จะปะทุขึ้นอีกตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการเตรียมเจ้าหน้าที่และรถดับเพลิงไว้หากเกิดเหตุขึ้นมาอีกจะได้สามารถดับไฟได้ทันท่วงที รวมทั้งได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานเช่นเดียวกัน และนอกจากนั้นยังได้สอบสวนชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์เพื่อสรุปว่าสาเหตุการเกิดไฟป่าครั้งนี้เกิดจากธรรมชาติหรือฝีมือของใคร
ล่าสุดวันนี้ (30 เม.ย.) นายสมชาย สุรเวคิน ตัวแทนญาติโยมจากวัดป่าภูทับเบิก พร้อมด้วยพระรณรงค์ ฐานวุฒโฒ (ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์) และพระสงฆ์จากวัดป่าภูทับเบิกได้เดินทางไปที่ สภ.หล่มเก่า เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมทั้งติดตามและสอบถามแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีดังกล่าว
พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ สารภูษิตสันต์ ผกก.สภ.หล่มเก่า เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพชรบูรณ์ เข้าเก็บและรวบรวมพยานหลักฐานนำไปตรวจสอบ รวมทั้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว เชิญตัวชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ซึ่งในส่วนของพิสูจน์หลักฐานคาดว่าประมาณ 2-3 อาทิตย์น่าจะทราบผล
สำหรับแนวทางในการป้องกัน หลังจากนี้จะได้หารือกับวัด ชาวบ้านในพื้นที่ในการทำแนวกันไฟให้กว้างขึ้น พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์ดับเพลิงไว้ใช้อย่างเพียงพอเมื่อเกิดเหตุอีกครั้ง นอกจากนั้นยังจะได้มีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่พบเหตุไฟไหม้ป่าให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งอยากจะฝากเตือนไปว่าหากพบว่าผู้ใดก่อเหตุจุดไฟเผาป่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีผลทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตผู้ก่อเหตุก็จะมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตเลยทีเดียว
นายสมชาย สุรเวคิน ตัวแทนญาติโยมจากวัดป่าภูทับเบิก เปิดเผยว่า ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากฝีมือคนอย่างแน่นอน เพราะหลังจากพบกลุ่มควัน ญาติโยมที่อยู่ในวัดได้ใช้โดรนบินสำรวจพบว่าไฟเกิดพร้อมกันถึง 5 จุดเป็นแนวยาว แต่เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีกระแสลมแรงคนงานของวัดที่มีอยู่กว่า 60 คน รวมทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถควบคุมไว้ทัน
“ผมก็ไม่ทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุมีวัตถุประสงค์อะไร จึงอยากจะขอวิงวอนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เห็นว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ ขอให้มาเป็นพยานและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะรักษาความลับไม่เปิดเผยผู้ที่ให้ข้อมูล เพื่อที่จะได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะไปก่อเหตุและสร้างความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้”
