ระยอง - ผู้บังคับการตำรวจภูธรระยองนำโดรนขึ้นบินเก็บหลักฐานโรงงานสารเคมีไฟไหม้หลังยังเข้าพื้นที่ตรวจสอบไม่ได้ เผยสอบปากคำพยานแล้ว 20 ปาก แต่เจ้าของโรงงานยังล่องหน ขณะช่วงบ่ายที่ผ่านมาเกิดไฟปะทุที่โกดัง 5 อีกเจ้าหน้าที่ต้องใช้แบ็กโฮโกยกองสารเคมีออกเพื่อเกลี่ยควันไฟให้หายไป
เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (28 เม.ย.) พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง พร้อมด้วย พ.ต.อ.สราวุธ นุชนารถ ผกก.สภ.บ้านค่าย พ.ต.ท.วิรัตน์ เตชนันท์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านค่าย และ พ.ต.อ.ปาริฉัตร อั้นเต้ง นักวิทยาศาตร์ (สบ.4) พิสูจน์หลักฐาน จ.ระยอง ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบโรงงานเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัท วินโพรเสส ม.4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งถูกไฟไหม้โดยการใช้โดรนบินเก็บหลักฐาน
พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ ผบก.ภ.จว.ระยอง เผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุดหลังเชื่อมั่นว่าในพื้นที่จุดเกิดเหตุมีความปลอดภัยแล้ว ส่วนการสอบสวนพยานบุคคลขณะนี้ได้ทำการสอบปากคำไปแล้ว 20 ปาก โดยเป็นพนักงานโรงงาน และ รปภ. รวม 5 ราย ส่วนที่เหลือเป็นประชาชนที่อยู่ใกล้โรงงาน และผู้เห็นเหตุการณ์ในช่วงที่เกิดเหตุเพลิงไหม้
ขณะที่เจ้าของโรงงานขณะนี้ยังไม่สามารถติดตามตัวได้ และได้รับการแจ้งเพียงว่าติดธุระอยู่นอกพื้นที่ จ.ระยอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งตามตัวมาสอบสวนให้ได้โดยเร็วเช่นกัน
ส่วนการตรวจวัดคุณภาพอากาศจุดเกิดเหตุบริเวณใกล้โกดังที่ 3 ของเจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 ชลบุรี พบว่า ยังมีกลิ่นแอมโมเนียรุนแรงที่ระดับ 7-8 ในรัศมี 30 เมตร แต่ยังไม่เป็นอันตราย แต่ผู้ที่ปฏิบัติงานหน้างานจะต้องสวมใส่หน้ากากที่ป้องกันแอมโมเนียได้
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงบ่ายที่ผ่านมาได้เกิดเหตุไฟปะทุขึ้นอีกครั้งที่โกดัง 5 หลังเมื่อช่วงเช้าเพิ่งสงบลง และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ใช้รถแบ็กโฮโกยกองสารเคมีจนพบว่ามีไฟลุกไหม้ขึ้นจากกองถังน้ำมัน 200 ลิตร ที่ทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ขับรถแบ็กโฮ ต้องรีบนำรถออกจากจุดเกิดเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำสกัดเพลิง
ส่วนโกดังที่ 3 เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งใช้สารโซเดียมไบคาร์บอเนตกลบช่องที่พบควันไฟลอยออกมา เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการใช้ดินถมจนทำให้เกิดช่องว่างของร่องดินและทราย จนพบว่ามีกลุ่มจากความร้อนของอะลูมิเนียมกรอสอยู่ด้านล่าง
