บุรีรัมย์ - “พล.ต.ท.ฐากูร” ผบช.ภาค 3 พร้อมรองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ผบ.มทบ.26 และ ผอ.ปปส.ภาค 3 ร่วมแถลงจับอดีต อบต.และภรรยาชาวลาวลักลอบขนยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านล็อตใหญ่เกือบ 1 ล้านเม็ดตระเวนกระจายเครือข่ายภาคอีสาน กำชับคุมเข้มชายแดนป้องกันยาเสพติดทะลัก
วันนี้ (24 เม.ย.) พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สายเพชร ศรีสังข์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์, พล.ต.สันทัต จันทน์มาลา ผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 26, พ.ต.อ.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นายปิยะ ปิจนำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และนายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภาค 3 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดรายสำคัญ พร้อมของกลางยาบ้าล็อตใหญ่เกือบ 1 ล้านเม็ด ที่หอประชุมชัยจินดา กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมตรวจยึดรถยนต์ และทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด รวมมูลค่ากว่า 8 แสนบาทด้วย
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ชปส. ร้อย.ตชด.215, 216, เจ้าหน้าที่สำนักปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน., เจ้าหน้าที่กรมทหารพรานที่ 26 เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยปราบปรามยาเสพติด, เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายการข่าว ร.23 พัน.4, เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอสตึก, เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอบ้านด่าน เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แคนดง ได้บูรณาการออกระดมกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติด ช่วงวันที่ 2-7 เมษายน 2567 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 คดี 9 คน ของกลาง ยาบ้า 112,303 เม็ด, กระสุนปืน 27 นัด
ทั้งนี้ ได้สืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว ได้เพิ่มเติมอีก 1 คดี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 ผู้ต้องหา 2 คน คือ นายบุญเทียน อายุ 40 ปี อดีตสมาชิก อบต.ศรีชมพู จ.บึงกาฬ และ น.ส.ไลพอน อายุ 30 ปี อยู่แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ภรรยา ได้พร้อมของกลางยาบ้ามากถึง 922,000 เม็ด ขณะลักลอบขนมาในรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ ขับผ่านเข้ามาในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ เพื่อกระจายส่งขายให้เครือข่ายค้ายาในพื้นที่ภาคอีสาน แต่ถูกตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองสนธิกำลังไล่ล่าจับกุมได้
สอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การว่าพวกตนได้ร่วมกันกับ นายเนรมิตร และนายเบิ้ม ที่หลบหนีไปได้ และเป็นคนขับขี่รถยนต์เก๋งฮอนด้า แจ๊ซ ร่วมกันนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้าตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งครั้งนี้นำมาจำนวนประมาณ 790 มัด หรือประมาณ 1,580,000 เม็ด โดยได้นำไปวางให้ลูกค้าบางส่วนแล้วในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 100 มัด หรือจำนวน 200,000 เม็ด และ จ.มหาสารคาม อีก 100 มัด หรือจำนวน 200,000 เม็ด
ส่วนที่เหลือตั้งใจจะนำมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จากนั้นจะไล่ทยอยวางให้ลูกค้าในพื้นที่อำเภอและจังหวัดต่างๆ ทางภาคอีสาน แต่พอขับเข้ามาในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ทราบว่ามีรถเจ้าหน้าที่ขับสะกดรอยติดตามมา พวกตนจึงขับรถแยกย้ายกันหลบหนี และตนจึงได้โทรศัพท์บอกให้รถอีกคันโยนยาบ้าทิ้งระหว่างทางเพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามทัน ซึ่งรถยนต์อีกคันสามารถหลบหนีไปได้ ส่วนรถของตนถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับกุมได้
นายบุญเทียนบอกอีกว่า ตนเคยเป็นอดีตสมาชิก อบต.ศรีชมภู จ.บึงกาฬ และได้หมดวาระออกมา จึงตัดสินใจไม่ลงเล่นการเมืองต่อเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เป็นภาษีสังคมสูง จึงออกมาทำธุรกิจกล้ายางพารา แต่ทำไปทำมาเจ๊ง จึงตัดสินใจมาขายยาบ้า โดยได้ทำมาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งจะไปรับเอายาบ้ามาไม่น้อยกว่า 800-1,000 มัด หรือราว 1,600,000-2,000,000 เม็ด เพื่อมาส่งให้ลูกค้าตามรายการที่ได้มีการสั่งซื้อล่วงหน้าไว้แล้วกับชาวลาว ซึ่งตนจะได้รับค่าจ้างในการขนลำเลียงมาส่งลูกค้ามัดละ 300 บาท ส่วนเงินค่าจ้างชาวลาวจะทยอยจ่ายให้ภายหลัง ทุกครั้งที่นำยาบ้าไปวางให้ลูกค้าครบทุกเจ้า
พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ระบุว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้สั่งการและเร่งรัดการปฏิบัติ ให้ตำรวจภูธรภาค 3 และทุกหน่วยนำนโยบายการป้องกันปราบปรามยาเสพติดและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ไปสู่แผนการปฏิบัติทุกพื้นที่อย่างจริงจังและต่อเนื่อง และให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ สร้างความสงบสุขให้พี่น้องประชาชน ซึ่งได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ติดแนวชายแดนให้ตรวจตราคุมเข้มเป็นพิเศษ