ลำปาง - ชาวลำปาง 13 ครัวเรือน มีทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง เดือดร้อนหนัก ต้องมุดรั้วกำแพงเข้าออกบ้าน หลังเอกชนที่เพิ่งมาซื้อที่ดินก่อกำแพงปิดกั้นที่ที่เคยเป็นทางสาธารณะหลักที่ใช้ร่วมกันมานมนานเกือบ 100 ปี จนรถทุกชนิดแม้แต่รถพ่วงขายของยังเข้าไม่ได้
วันนี้ (22 เม.ย.) คุณตาสมพร วงค์สุข อายุ 75 ปี และชาวบ้านในเขตตำบลสวนดอก เทศบาลนครลำปาง รวม 13 หลังคาเรือน ได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเนื่องจากไม่สามารถเข้าออกบ้านได้ตามปกติ หลังปี 2565 เอกชนรายหนึ่งมาซื้อบ้านและที่ดินที่อยู่ติดถนน ซึ่งเคยเป็นทางสาธารณะที่ชาวบ้านที่อยู่ด้านในใช้เป็นเส้นทางหลักในการเข้าออกบ้านไปยังถนน แล้วมีการขยายรั้วบ้าน ย้ายเสาไฟ และสุดท้ายก่อกำแพงปิดกั้นทางเข้าออกอย่างถาวร
ชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้แม้จะอยู่กันมายาวนานกว่า 100 ปีตั้งแต่สมัยปู่ย่า แต่ก็เพียงอยู่อาศัยเพราะยังเป็นพื้นที่สาธารณะที่เรียกว่าหนองสง ไม่สามารถออกโฉนดได้ ทั้งๆ ที่พื้นที่โดยรอบออกเป็นโฉนดทั้งหมดแล้ว
และวันนี้ต้องเจาะกำแพงรั้วฝั่งตลาดคลองถมมุดเข้าออก ส่วนรถ เครื่องมือทำมาหากิน เช่น รถเข็นขายของและรถทุกชนิด แม้แต่รถพยาบาล รถดับเพลิง ก็เข้าออกไม่ได้ หากผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ภายในชุมชนแห่งนี้ต้องการความช่วยเหลือก็คงยากลำบากต้องใช้เปลหามมุดรั้วออกมาหรือต้องเดินอ้อมที่เป็นเส้นทางเดินเท้าแทนซึ่งสร้างความเดือดร้อนยากลำบากให้ชาวบ้านกลุ่มนี้อย่างมาก
คุณตาสมพร ซึ่งเกิดที่นี่เล่าว่า ตนเกิดที่นี่ไม่เคยย้ายไปที่ไหน ปัจจุบันอายุ 75 ปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ เดิมในชุมชนมีคนอยู่กันมากกว่านี้ก็ใช้เส้นทางนี้เข้าออก ซึ่งเป็นทางกว้างประมาณ 4 เมตร รถยนต์เข้าจอดด้านในได้ คนค้าขายก็สามารถเอารถเข็น รถพ่วงเข้าออกได้สบาย ไม่เคยมีปัญหา เพราะเมื่อปี 2504 ชาวบ้านลงขันกันได้เงิน 3,000 บาท สมทบสนับสนุน ทางสมาคมฯ จึงได้แบ่งที่ดินทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งก็คือทางเข้าออกปัจจุบันความกว้างประมาณ 2 เมตร ให้เป็นทางเดินสาธารณะของชาวบ้านใช้ร่วมกันมาจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาในปี 2528 ได้มีการประชุมคณะกรรมการสมาคมยานยนต์ภาคพายัพ ลำปาง ครั้งที่ 2/2528 นายกสมาคมฯ ขณะนั้นได้มีเรื่องแจ้งให้ทราบว่ามีตัวแทนชาวบ้านหนองสงมาร้องเรียนและขอให้ทางสมาคมฯ แบ่งแยกโฉนดทางสาธารณะออกมาจากโฉนดของสมาคมฯ เพื่อชาวบ้านจะได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่ด้วยขณะนั้นที่ดินของสมาคมฯ ได้ขายให้กับนายวรัญไปแล้ว ซึ่งนายกสมาคมฯ ได้แจ้งกับตัวแทนชาวบ้านว่าจะแจ้งให้ผู้ซื้อคือนายวรัญตัดส่วนที่ดินของชาวบ้านออกจากโฉนดต่อไป และชาวบ้านก็ใช้ทางดังกล่าวเป็นทางสาธารณะมาโดยตลอด
แต่วันนี้จากการตรวจสอบปรากฏว่าที่ดินที่เคยเป็นทางสาธารณะ ได้ถูกนำไปออกเป็นโฉนดที่ดินเมื่อปี 2560 ก่อนขายต่อให้ผู้ซื้อปัจจุบันเมื่อปี 2565 และเพิ่งเข้ามาดำเนินการขยายพื้นที่ต่างๆ รวมถึงทำการปิดทางสาธารณะดังกล่าวเมื่อช่วงก่อนสงกรานต์นี้เอง
คุณตามนูญ พันธวงค์ อายุ 85 ปี บอกว่าตนใช้เส้นทางนี้มาตลอดชีวิต ปัจจุบันก็อยู่ในสภาพช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ การที่ผู้ซื้อที่ดินมาทำแบบนี้เป็นการเอาเปรียบและสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยกันมานาน จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ชาวบ้าน
นางฟารีด้า ยูซูฟี หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน บอกว่า ก่อนหน้านั้นเห็นคนที่มาซื้อบ้านมีการขยับรั้วออกมาจากแนวเดิมก็เคยไปทักท้วง แต่ผู้ซื้อก็อ้างว่ามีโฉนด ต่อมามีการเจาะรั้วเพื่อเข้าด้านหลังและมีการย้ายเสาไฟฟ้า ตนก็ไปทักท้วงซึ่งไม่แน่ใจว่าการย้ายเสาไฟฟ้าชาวบ้านทั่วไปสามารถย้ายเองได้หรือไม่ ทางชาวบ้านจึงไปร้องเทศบาลฯ แต่ขณะนั้นก็ยังไม่มีผล กระทั่งเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ได้มีการก่อกำแพงปิดทับทางเข้าออก คนที่ไปทำงานด้านนอกที่มีรถตอนเย็นเข้าบ้านไม่ได้ต้องนำรถไปจอดที่ว่างบริเวณตลาดคลองถมแล้วมุดรั้วเพื่อจะเข้าบ้านแทน
“เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก อยากถามผู้ที่มีเงินทอง ผู้ที่มีอำนาจว่าเพราะชาวบ้านยากจนใช่ไหม ไม่มีทางต่อสู้ใช่ไหมถึงถูกรังแกเอาเปรียบแบบนี้”
ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบผังโฉนดของเอกชนที่อยู่ใกล้เคียงก็พบว่าก่อนการซื้อที่ดินได้มีการตกลงกับผู้ขายแล้วว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมขยับแนวเขตเข้าพื้นที่ของตนเองฝั่งละ 2 เมตรเพื่อไม่ให้กระทบชาวบ้านที่อยู่ภายใน ให้สามารถเข้าออกได้ตามปกติ จึงมีการเขียนในผังโฉนดว่าเป็นถนนสาธารณะเอาไว้ด้วย
ทั้งนี้ ล่าสุดชาวบ้านได้เข้าขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความจังหวัด และสำนักงานอัยการฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือในการดำเนินการฟ้องศาลเพื่อขอคุ้มครองสิทธิและบรรเทาความเดือดร้อนเป็นการด่วน