เพชรบูรณ์ - น้ายันเห็นกับตาหลานชายพุ่งสมอบกหัวปักทรายหาดแม่รำพึงเสียชีวิตระหว่างทัศนศึกษา ขณะที่ ผอ.โรงเรียนฯ เมืองมะขามหวานเพชรบูรณ์แจงยิบ..ช่วยเหลือเยียวยาเต็มที่-เงินประกันยายที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กขอรับเอง หลังแม่โร่ร้องเพจดัง
กรณีแม่ของนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าร้องทุกข์ต่อเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยเหลือหลังลูกชายไปร่วมปัจฉิมนิเทศที่โรงเรียนจัดขึ้นที่หาดนางรำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แล้วเกิดอุบัติเหตุขณะทำกิจกรรมพุ่งลงทะเล หัวกระแทกพื้นทรายจนเสียชีวิต แต่ทางโรงเรียนกลับไม่มีการช่วยเหลือเยียวยาเท่าที่ควร
นางสาวพัชรี สามา อายุ 44 ปี แม่ของนายรัชวัต มั่นทุ่ง หรือดริฟ อายุ 15 ปี ผู้เสียชีวิต บอกว่าทางโรงเรียนได้ชี้แจงว่าก่อนเกิดเหตุลูกได้ร่วมเล่นฟุตบอลชายหาดกับเพื่อนนักเรียน แต่ระหว่างทำกิจกรรมในกลุ่มนักเรียน ได้ตั้งกฎลงโทษกันด้วยการทำท่าสมอบก หรือพุ่งเอาหัวปักพื้นทราย ทำให้ลูกชายหมดสติ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวต้องกู้ยืมเงินมาจัดงานศพเป็นจำนวนหลายหมื่นบาท แต่เมื่อทวงถามความรับผิดชอบจากทางโรงเรียนกลับได้รับเงินช่วยเหลือที่ได้มาจากการเรี่ยไรจำนวนกว่า 10,000 บาท ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้ต้องรับภาระหนี้สินจำนวนมาก
“วันพรุ่งนี้เพจสายไหมต้องรอดจะพาครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ ดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมจะประสานงานกับทางกระทรวงศึกษาธิการให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย”
ล่าสุดวันนี้ (22 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามนายก้องเกียรติ มากสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไร่เหนือ ต.บัววัฒนา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเปิดเผยว่า ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกสถานที่ โดยการพาเด็กนักเรียนเดินทางไปทัศนศึกษาที่จังหวัดชลบุรี ไม่ใช่ปัจฉิมนิเทศตามที่เป็นข่าว เพราะการจัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศทางโรงเรียนจัดเสร็จเรียบร้อยไปก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนงานศพของนายรัชวัต มั่นทุ่ง หรือน้องดริฟ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 ที่เสียชีวิต ตนและคณะครูช่วยกันจัดงานให้อย่างสมเกียรติ ตนคอยดูแลตลอดงานทั้งอาหารเครื่องดื่ม เนื่องจากเด็กที่เสียชีวิตอาศัยอยู่กับตาและยาย ส่วนค่าใช้จ่ายทางโรงเรียนช่วย 1 หมื่นบาท กองทุนหมู่บ้านช่วย 1 หมื่นบาท เพื่อนๆ ของตนช่วย 1 หมื่น เขตพื้นที่การศึกษาช่วยมา 5 พันบาท ทางทหารเรือที่ชลบุรีช่วยมาอีก 5 พันบาท เงินจากผู้มาร่วมงาน 1 หมื่นบาท รวมแล้ว 5 หมื่นบาท ซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงาน
ส่วนเงินประกันอุบัติเหตุจำนวน 1 แสนบาท ทางโรงเรียนกำลังเดินเรื่องให้ ซึ่งเงินจำนวนนี้คุณตาและคุณยายขอเป็นผู้รับเอง เพราะตากับยายเป็นคนเลี้ยงดูและดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด
“ยืนยันว่าไม่เคยทอดทิ้ง ดูแลมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ดูแลตลอด แต่พอมาเห็นข่าวรู้สึกเสียใจมากเพราะสิ่งที่ทำไปเพราะความรักเด็กไม่ใช่เพราะความผิด”
นางสายรุณ บุญเรือน อายุ 53 ปี น้าของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์เนื่องจากไปทัศนศึกษากับทางโรงเรียน เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของหลานชายเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะขณะเกิดเหตุทั้งเด็กและครูก็ลงเล่นน้ำกัน ครูก็ดูแลใกล้ชิดส่วนตนนั่งดูอยู่ด้านบนแต่ก็เห็นหลานชายกระโดดน้ำอย่างสนุกโดยการพุ่งตัวลงน้ำ แต่เป็นจังหวะที่คลื่นซัดน้ำลงทะเลทำให้หัวไปกระแทกกับทรายทำให้คอหัก ได้ยินเสียงเด็กตะโกนเรียกว่าดริฟหัวแตก ตนจึงวิ่งไปดูถามหลานว่าเป็นอะไรบ้าง หลานตอบว่าหายใจไม่ออกก็มีคนมาช่วยทำ cpr ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล
นางทองม้วน สามา อายุ 67 ปี ยายของน้องดริฟ เล่าทั้งน้ำตาว่า เลี้ยงหลานมาตั้งแต่ตัวยังเล็ก เพราะพ่อแม่แยกทางกัน ต่างคนก็ไปมีครอบครัวใหม่ เป็นหลานคนเดียวที่คอยช่วยยาย เป็นคนพายายไปหาหมอ ถ้าหลานยังอยู่วันพรุ่งนี้หลานต้องพายายไปหาหมอ แต่ตอนนี้ไม่มีใครพายายไปหาหมอแล้ว เพราะตาเป็นคนขายลอตเตอรี่หาเลี้ยงครอบครัว
สำหรับนายรัชวัต มั่นทุ่ง หรือน้องดริฟ ผู้เสียชีวิต เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90 ซึ่งถือว่าเป็นเด็กนักเรียนเรียนดี และใฝ่ฝันอยากเป็นข้าราชการ