สมุทรสงคราม - ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ปูพรมค้นบ้าน ส.จ.คนดังสมุทรสงคราม พร้อมพวก พบปืนหลายกระบอก ขณะที่ ส.จ.เข้ามอบตัวสู้คดี เผยตนตั้งใจทำงานกวาดล้างยาเสพติด แต่ไม่ชอบออกสื่อ ตั้งคำถามกลับ ยาบ้ากับตนจะเลือกอะไร
วันนี้ (20 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายเชิดศักดิ์ (สงวนนามสกุล) ผู้เสียหายจาก จ.สมุทรสงคราม พร้อมจ่าคิงส์ ธมนันท์ แตงทิม เจ้าของเพจสะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พงส.กก.5 บก.ป. เพื่อขอเข้าคุ้มครองพยานที่ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. พหลโยธิน จตุจักร กทม. เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าถูกสมาชิกสภาจังหวัดสมุทรสงคราม (ส.จ.) คนดัง จ.สมุทรสงคราม กับสารวัตรกำนันให้ลูกน้องไปตามมาพบก่อนที่บ้าน ส.จ.คนดังกล่าว โดยมีผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และพวกช่วยกันรุมทำร้าย จนกระดูกหน้าผากแตก ข้อมือหัก สมองกระทบกระเทือน ต่อมา พล.ต.ต.สมภพ คูหาวิชานันท์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม ได้เดินทางมาที่ สภ.ลาดใหญ่ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามเร่งรัดคดีดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่ายนั้น
ล่าสุด วันนี้ ( 20 เม.ย) นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมกับ พล.ต.ต.สมภพ คูหาวิชานันท์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม สนธิกำลังฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ชุดปฏิบัติการพิเศษภาค 7 (อินทรี 7) กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.สมุทรสงคราม สภ.เมืองสมุทรสงคราม และตำรวจ สภ.ลาดใหญ่ รวม 100 นาย ปฏิบัติการตรวจค้นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ตำบลลาดใหญ่ รวม 3 จุด ประกอบด้วยบ้านนายธีรพงษ์ ศรีกำเนิด อายุ 50 ปี ส.จ.เขต 11 อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ในพื้นที่ ม.5 ต.ลาดใหญ่ บ้านนายดำรงค์ ศรีกำเนิด ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.ลาดใหญ่ ในพื้นที่ ม.6 ตำบลลาดใหญ่ และบ้านนายสมพร โมด่านจาก สารวัตรกำนันตำบลนางตะเคียน ในพื้นที่ ม.3 ต.ลาดใหญ่ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
ต่อมา ที่ สภ.ลาดใหญ่ นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมกับ พล.ต.ต.สมภพ คูหาวิชานันท์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม ได้แถลงผลการตรวจค้นผู้มีอิทธิพลดังกล่าว พบของกลางรวม 5 กระบอก พบที่บ้านนายธีรพงษ์ 2 กระบอก คือ ปืน 11 มม. ยี่ห้อโคลท์ มีทะเบียนของนายนิคม เสือเล็ก (ปืนผิดมือ) พร้อมด้วยเครื่องกระสุน .45 จำนวน 8 นัด ปืนยาวลูกกรด .22 ยี่ห้ออาร์มสกอร์ มีทะเบียนของนายธีระ ศรีกำเนิด พร้อมด้วยเครื่องกระสุนลูกกรด 30 นัด และบ้านนายดำรงค์ 3 กระบอก ปืนขนาด .38 ยี่ห้อโคลท์ มีทะเบียนของนาย ดำรงค์ ศรีกำเนิด และปืนยาวอัดลม ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน
นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า จังหวัดได้มอบหมายให้อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ได้เข้าไปดำเนินการติดตามเพื่อบรรเทาเยียวยาให้ผู้เสียหายในเบื้องต้น และได้ติดตามกับตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม เข้ามาดำเนนการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน จึงลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ส่วนกรณีที่มีฝ่ายปกครองเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนได้สอบถามไปยังนายอำเภอเมืองสมุทรสงคราม พบว่าลักษณะการใช้อิทธิพลข่มขู่ และทำร้ายร่างกายเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล หลังจากการตรวจค้น พบมีอาวุธปืน พบโต๊ะแถลงข่าวจำนวนมาก
ดังนั้น กรณีที่ผู้ก่อเหตุมีผู้ใหญ่บ้าน และสารวัตรกำนันเข้าไปเกี่ยวข้อง ตนได้มอบหมายให้นายอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ หากพบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลจะดำเนินการทางด้านวินัยตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ขั้นตอนแรก ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลออกมาหากมีความผิดจริง ตนจะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งต้องรอผลการตรวจสอบออกมาเอง ส่วนกรณี ส.จ. ตนจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีมูลความผิดจะเสนอไปยังประธานสภา อบจ.สมุทรสงคราม เพื่อดำเนินการทางวินัย ซึ่งเป็นอำนาจของสภา อบจ.สมุทรสงคราม อย่างไรก็ตาม หากคำพิพากษาตัดสินลงโทษถึงที่สุดดออกมาว่าผิดจริงจะขาดคุณสมบัติการเป็น ส.จ.ทันที
พล.ต.ต.สมภพ กล่าวว่า เบื้องต้นกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน รับสารภาพว่าได้ร่วมกันทำร้ายและข่มขู่ผู้เสียหายจริง โดยใช้ปืนของกลางลำดับที่ 1 ขนาด 11 มม. ยี่ห้อโคลท์ในการก่อเหตุ จึงแจ้งข้อหาร่วมกันข่มขู่ และร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งทางจังหวัด และตำรวจภูธรจังหวัดดำเนินการตามข้อกฎหมาย และจัดการไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังแจ้งข้อหามีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 2 ราย คือ นายธีรพงษ์ ศรีกำเนิด ส.จ.เขต 11 อำเภอเมืองสมุทรสงคราม และนายดำรงค์ ศรีกำเนิด ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.ลาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม และ พล.ต.ต.สมภพ คูหาวิชานันท์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม กำลังเดินทางกลับ นายธีรพงศ์ ศรีกำเนิด 1 ในผู้ร่วมก่อเหตุได้เดินมาขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม โดยระบุว่าตนทำหน้าที่ดูแลประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด เป็นผู้ใหญ่บ้านตั้งแต่อายุ 27 ปี ในอดีตสื่อร้องเรียนมันน้อย ที่ตนไปกระทืบหรือทำร้ายร่างกาย เพราะปัญหายาบ้าระบาดในพื้นที่ทั้งขายและเสพ ถ้าจะร้องเรียนเจ้าหน้าที่ทำอะไรล่าช้า ตนจึงเลือกวิธีปกครองดูแลลูกหลานแบบนี้
แต่ปัจจุบันสื่อมันไว ตนตั้งคำถามถึงผู้ว่าฯ ผู้การว่าจะเอายาบ้าไว้ หรือพวกตนที่กวาดล้างยาบ้ายาเสพติดไว้ มาตราการกวดล้างของตนรวดเร็ว แต่อาจจจะรุนแรง และโดนร้องเรียน เมื่อวานนี้ตนขอให้กองปราบปรามตรวจปัสสาวะผู้ที่ไปร้องเรียน ตนทำงานมีเหตุและผล แต่ไม่ค่อยชอบออกสื่อ ชอบทำงานเบื้องหลัง ตนทำงานการเมืองมากว่า 20 ปี แม้ปัจจุบันเป็น ส.จ.มาดูแลงบประมาณและความเจริญ แต่ลงไปช่วยงานฝ่ายปกครอง ดูแลกวดล้างยาเสพติด ไม่อยากให้มีคนคลั่งยาที่ไปกระทืบแม่ตาย ที่ตำบลบางจะเกร็ง และที่เป็นข่าวรายวัน แต่ตนทำงานชัดเจนและไวกว่าเจ้าหน้าที่ เพราะอยู่ในพื้นที่ แต่แลกด้วยคดีที่ได้มา ตนขอฝากให้ผู้ใหญ่ช่วยพิจารณา
จากนั้นนายธีรพงศ์ ได้เข้าให้การต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม โดยขอไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เพราะชอบทำงานเบื้องหลัง ไม่ชอบเอาหน้า แต่ฝากข้อคิดไว้ว่าขอให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ร้องเรียนด้วยว่าเป็นอย่างไร ในพื้นที่เขารู้ดีแต่ไม่มีใครกล้าพูด