xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสระลงเรือพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระยะที่ 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ชาวสระลงเรือ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระยะที่ 2 หลังจากระยะแรก สามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากถึง 17 หมู่บ้าน 2,000 หลังคาเรือน 7,000 กว่าคน มีน้ำใช้แล้ว 100%

วันนี้ (14 เม.ย.) นายระเบียบ ปทุมสูตร นายกเทศมนตรีตำบลสระลงเรือ นายสุที แก้วปาน ประธานสภาเทศบาลตำบลสระลงเรือ นายชัยวัฒน์ ธนวัฒน์สุวรรณ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เขตอำเภอห้วยกระเจา นายสมยศ เชาว์รักษ์ กำนันตำบลสระลงเรือ ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระยะที่ 2 บ้านหนองบัวหิ่ง หมู่ 4 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวสามารถนำน้ำไปให้ประชาชนชาวตำบลสระลงเรือใช้ในการอุปโภคบริโภคครอบคลุมทั้ง 17 หมู่บ้านแล้ว 100%

ทั้งนี้ นายระเบียบ ปทุมสูตร นายกเทศมนตรีตำบลสระลงเรือ กล่าวว่า เขตเทศบาลตำบลสระลงเรือของเรามี 17 หมู่บ้าน นับย้อนหลังกลับไปหลายสิบปีพื้นที่ของเราไม่เคยมีน้ำประปาใช้ อีกทั้งเป็นพื้นที่เงาฝนที่มีความแห้งแล้งซ้ำซาก แต่เมื่อถึงเวลาฝนตกลงมาก็เกิดน้ำท่วม เมื่อฝนไม่ตกเกิดความแห้งแล้งน้ำไม่มีใช้ทั้งภาคการเกษตรและอุปโภคบริโภคเพราะแหล่งน้ำที่มีอยู่ไม่สามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ได้เพราะพื้นที่เป็นดินทรายน้ำจึงซึมลงไปใต้ดิน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางเทศบาลต้องนำรถไปบรรทุกน้ำที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี มาแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชน

หลายปีที่ผ่านมาทางเทศบาลตำบลสระลงเรือได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยการขุดเจาะบาดาลเพื่อให้ทุกหมู่บ้านได้มีน้ำใช้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมา ทางเทศบาลได้มีโอกาสปรึกษาหารือแนวทางการแก้ไขปัญหากับนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี เขต 4 พรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งได้คำแนะนำว่า ไม่จำเป็นจะต้องเจาะบ่อบาดาลให้ทุกหมู่บ้าน แต่จะต้องสำรวจหาพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ หากพบให้เจาะแล้วกระจายน้ำที่มีอยู่ไปให้ทุกหมู่บ้านได้เลย ซึ่งคำแนะนำดังกล่าวพวกเราชาวบ้านไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามารถทำได้

ในที่สุดได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำบาดาลลงพื้นที่สำรวจหาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ตำบลสระลงเรือทั้ง 17 หมู่บ้าน ใช้เวลาออกสำรวจนานกว่า 1 เดือน จนกระทั่งมาพบแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ในที่ดินของเอกชนท้องที่หมู่ 4 บ้านหนองบัวหิ่ง ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา

แต่ปัญหาที่พบคือที่ดินนั้นเป็นที่ของชาวบ้านที่เป็นโฉนด ไม่ใช่ที่ดินของรัฐหรือที่ดินสาธารณะ ทางเทศบาลตำบลสระลงเรือจึงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ จะนำงบประมาณมาจัดซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไม่สามารถทำได้เพราะมันผิดระเบียบของทางราชการ

แต่ต่อมาข้าราชการ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่เทศบาลตำบลสระลงเรือ ได้พร้อมใจกันเสียสละเงินเดือนคนละ 1 เดือน มอบให้เทศบาล นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการร้านค้ารวมทั้งชาวบ้านช่วยกันบริจาคสมทบทุนด้วยความเต็มใจ สุดท้ายสามารถจัดซื้อที่ดินของชาวบ้านที่พบแหล่งน้ำบาดาลเนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน เป็นเงินจำนวนกว่า 1 ล้านบาท

จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจากสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) จึงนำเจ้าหน้าที่มาสำรวจหาแหล่งน้ำอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งผลปรากฏว่าพบแหล่งน้ำใต้ดินอยู่หลายจุด แต่ละจุดอยู่ที่ความลึกประมาณ 80-152 เมตร รวม 6 จุด เจ้าหน้าที่จึงนำเครื่องจักรมาขุดเจาะ พบว่าแต่ละบ่อได้ปริมาณน้ำอยู่ที่ 30 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง

ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำงบประมาณมาลงได้ทำการตรวจสอบเพื่อความแน่ชัดด้วยการทดลองสูบน้ำขึ้นมาอย่างเต็มกำลังนานถึง 72 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าน้ำใต้ดินลดลงไปเพียงแค่ 5 เมตรเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล แจ้งให้ทราบว่าแหล่งบาดาลใต้ดินมาจำนวนมหาศาลมาก

จากนั้นนายศักดิ์ดา อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ลงพื้นที่เพื่อมาให้คำปรึกษาพร้อมกับแนะนำว่าให้ทางเทศบาลตำบลสระลงเรือจัดทำโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อของบประมาณ และในที่สุดพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงรับไว้เป็น 1 ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งหลังจากพสกนิกรชาวสระลงเรือทราบต่างก็รู้สึกปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้

ต่อมา ปี 2565 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลนำมาก่อสร้างถังแชมเปญขนาด 300 คิว ถังพักน้ำขนาด 1,000 คิว 2 ถัง และเรายังโชคดีที่ได้ท่อเมนกระจายน้ำประปาเป็นระยะทาง 40  กิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมไปทั้ง 17 หมู่บ้านของเทศบาลตำบลสระลงเรือ ซึ่งถือว่าเราได้ท่อเมนกระจายน้ำประปาไปตามหมู่บ้านต่างๆ มากที่สุดในภาคตะวันตก ปัจจุบันชาวเทศบาลตำบลสระลงเรือทั้ง 17 หมู่บ้าน 2,000 กว่าครัวเรือน ประชากร 7,000 กว่าคน ได้ใช้น้ำประปาในการอุปโภคบริโภคแล้ว 100%

นายระเบียบ ปทุมสูตร นายกเทศมนตรีตำบลสระลงเรือ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้คณะผู้บริหารเทศบาลตำบลสระลงเรือภูมิใจคือ เมื่อวันพุธที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนและคณะผู้บริหารได้รับรางวัลเครือข่ายน้ำบาดาลดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2567 ประเภทพื้นที่ต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำบาดาลดีเด่น จากการบริหารจัดการโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ของเทศบาลตำบลสระลงเรืออีกด้วย






กำลังโหลดความคิดเห็น