เชียงใหม่ – “ปลัดจอมแฉ” ชี้กรณีนักข่าวจี้ผู้ว่าฯเชียงใหม่เผยข้อมูลสถานการณ์ฝุ่นควันให้ตรงไปตรงมา เชื่อว่าน่าเนื่องมาจากคนเดือดร้อนจริงและยังมองเห็นว่าข้าราชการจะเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่บอก แนะต้องรับฟังอย่างเข้าใจมากกว่าเห็นเป็นอย่างอื่น
วันนี้(11 เม.ย.67) ที่สถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ และประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) เป็นตัวแทนนำน้ำดื่มจำนวน 100 แพ็ค ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท เชียงใหม่ เบเวอเรช จำกัด ส่งมอบให้กับสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์
ทั้งนี้เพื่อนำไปสนับสนุนการทำงานและเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการออกลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกันและเผชิญเหตุดับไฟป่า โดยมีนายภัทรกุล ธรรมสานุกุล หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่16 (เชียงใหม่) และนายกฤษดาพัณ เสริฐศรี นักวิชาการป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ร่วมกันรับมอบ
โดยนายบุญญฤทธิ์ ระบุว่า การปฏิบัติหน้าที่ในการออกลาดตระเวนป้องกันไฟป่าและการเข้าดับไฟป่าเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุดนั้น ถือเป็นการทำงานหนัก รวมทั้งมีความเสี่ยงอันตรายและต้องเสียสละเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องยกย่องและชื่นชมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดังกล่าวนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยการส่งมอบน้ำดื่มให้ในครั้งนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกันนายบุญญฤทธิ์ แสดงความเห็นกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่มีทางคล้ายมีอารมณ์ขุ่นเคืองหลังผู้สื่อข่าวตำหนิและเสนอแนะเกี่ยวกับการให้ข้อมูลสถานการณ์ฝุ่นควันไฟป่าในช่วงการแถลงข่าวว่า เชื่อว่าที่จริงแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ น่าจะมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ในการทำงานเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัญหายังคงรุนแรงและส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ทำให้คนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก
ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นข้าราชการที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนแล้ว เมื่อประชาชนหรือแม้แต่ผู้สื่อข่าวได้ให้ข้อเสนอแนะหรือสะท้อนปัญหาต่างๆ ให้ทราบ น่าจะเชื่อได้ว่าต้องมีความเดือดร้อนหรือมีปัญหาเกิดขึ้นจริง ซึ่งการที่มีคนมากบอกกล่าวแจ้งให้ทราบนั้น ตัวเองมองว่าเป็นเพราะเขาเห็นว่าข้าราชการยังมีความสำคัญและน่าจะเป็นที่พึ่งให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาได้ ไม่เช่นนั้นแล้วคงจะไม่มาบอกกล่าวกัน จึงควรรับฟังอย่างเข้าใจมากกว่าจะมองเห็นเป็นอย่างอื่น.