xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มลูกจ้างร้องเพจดังโอดครวญนายจ้างสุดโหดหักเงินเดือน 1.5 หมื่นจนติดลบ แถมให้เขียนลาออก ทำเดือดร้อนหนักทั้งบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - หนุ่มลูกจ้างเชียงใหม่ร้องขอความเป็นธรรมผ่านเพจดัง พร้อมวอนให้ตรวจสอบนายจ้างเอกชนรับติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ต หลังถูกหักเงินยิบย่อย จากเงินเดือน 15,500 บาท กลายเป็นติดลบกว่า 1,100 บาท แถมให้เขียนใบลาออกจากงาน ทำเดือดร้อนหนักทั้งครอบครัว ไม่มีเงินแม้กระทั่งจ่ายค่านมลูกสาวอายุ 1 ขวบ ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบส่อทำผิด และมีผู้เสียหายเพิ่มอีกอย่างน้อย 5 ราย


จากกรณีเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์เปิดเผยเรื่องราวของลูกจ้างหนุ่มรายหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่ถูกนายจ้างหักเงินเดือนจนกลายเป็นติดลบ โดยโพสต์ภาพตารางรายการคิดคำนวณเงินเดือน พร้อมข้อความระบุว่า “หนุ่มโอด...เงินเดือน 15,000 ถูกหัก 16,000 ขาดงาน 3 ครั้งบริษัทหักเงิน 10,000 บาท จนเงินเดือนติดลบไม่ได้เงินเดือนสักบาท (เชียงใหม่) บริษัทหน้าเลือดเดือนนี้บะมีกิ๋นสักบาท ค่านมลูก ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ ค่าใช้จ่ายภายในบ้านอีก ทำงานทั้งเดือน หึหึ ไผจะไปมาสมัครเน้อโรงงานนรก ทำงานหื้อ 4 ปีกว่า บ่เคยมีปัญหา พอเรามีปัญหาชีวิตนิดหน่อยขาดงาน 10,000 เป็นไปได้” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์และมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าลูกจ้างหนุ่มที่เป็นผู้เสียหายรายนี้คือ นายเจ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ซึ่งเปิดเผยว่าตัวเองเข้าไปทำงานให้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่งในอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ที่รับติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว โดยได้รับเงินเดือน 15,500 บาท ซึ่งทำงานเรื่อยมาโดยไม่มีปัญหาใดๆ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ตัวเองประสบปัญหาครอบครัวและต้องเลี้ยงดูลูกสาวอายุประมาณ 1 ขวบเพียงลำพัง โดยช่วงก่อนที่จะเกิดเรื่องนั้นลูกสาวของตนได้ล้มป่วยต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ตนมีอาการปวดศีรษะไมเกรน จนต้องหยุดงาน ประกอบกับโทรศัพท์ที่ใช้งานอยู่เสีย จึงทำให้ทางบริษัทไม่สามารถติดต่อได้


ต่อมาเมื่อถึงช่วงที่ต้องรับเงินเดือนนั้น ทางนายจ้างได้คิดคำนวณค่าจ้างและรายการที่ต้องหักเงินออกมาปรากฏว่าเงินเดือนของตัวเองกลายเป็นติดลบ โดยหักเงินจากการขาดงาน 3 วัน เป็นเงิน 10,000 บาท, หักภาษี 3% เป็นเงิน 465 บาท, หักเงินค่าประกันอุบัติเหตุ 762 บาท, หักเงินเช็กอินหลอก 5,000 บาท และหักเงินที่เข้างานสาย 4 วันเป็นเงิน 400 บาท รวมเป็นทั้งสิ้น 16,627 บาท ซึ่งเมื่อหักลบกับเงินเดือนของตัวเองแล้วกลายเป็นติดลบ 1,127 บาท และต้องจ่ายให้ทางนายจ้าง พร้อมกับให้ตนเขียนใบลาออกจากงานเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 67 และทางนายจ้างไม่คืนเงินประกันที่วางไว้ตอนเริ่มทำงานจำนวน 6,000 บาทให้ด้วย ซึ่งแม้ว่าตนจะพยายามเจรจาขอผ่อนจ่ายเงินที่โดนหักกับทางนายจ้างแล้วแต่ไม่เป็นผล ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จนไม่มีแม้กระทั่งเงินนำไปจ่ายค่านมลูก จึงตัดสินใจนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมาเปิดเผยเพื่อเป็นอุทาหรณ์และขอความเป็นธรรม

โดยนายเจ (นามสมมติ) ยอมรับว่าตนมีส่วนผิดที่ลางานโดยไม่แจ้งทางนายจ้าง แต่เป็นเพราะมีเหตุผลความจำเป็นจริงๆ และไม่คาดคิดว่าจะถูกหักเงินมากอย่างนั้น พร้อมทั้งอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบด้วย เนื่องจากตั้งแต่ที่ตัวเองเริ่มทำงานไม่เคยได้รับสลิปเงินเดือนไว้เป็นหลักฐาน มีเพียงตารางคิดคำนวณเงินเดือนแจ้งให้ทางไลน์เท่านั้น ซึ่งตัวเองจะรู้แต่เพียงว่ามีกฎว่าหากเข้างานหลังเวลา 08.15 น.จะโดนหักเงิน 100 บาท, ไม่สแกนนิ้วเข้างาน หัก 300 บาท, ไม่สวมชุดนิรภัยให้ครบถ้วนปรับครั้งละ 1,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ ในแต่ละเดือนต้องทำงานให้ได้ 110 เคส ถ้าทำไม่ถึงจะหักเงินตามจำนวนเคสที่ขาดไปเคสละ 300 บาท แต่ถ้าทำเคสเกินจะเพิ่มให้เคสละ 150 บาท ทั้งนี้ไม่มีการจ่ายเงินค่าล่วงเวลา และมีวันหยุดสัปดาห์ละ 1 วัน โดยสลับกันหยุด และไม่มีวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นทราบว่าไม่ได้เป็นรายแรก แต่มีผู้ที่เคยถูกกระทำเช่นเดียวกันนี้มาแล้วจำนวนมาก เพียงแต่ไม่มีผู้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม


รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า วันนี้ (3 เม.ย. 67) ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงพื้นที่สอบถามรายละเอียดกรณีดังกล่าวจากนายเจ (นามสมมติ) พร้อมให้เขียนคำร้องและบันทึกถ้อยคำ เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเบื้องต้นพบว่าการหักเงินดังกล่าวของนายจ้างน่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง โดยนอกจากนายเจ (นามสมมมติ) แล้วพบด้วยว่ายังมีลูกจ้างรายอื่นๆ อีก 5 รายที่ถูกกระทำเช่นเดียวกันนี้ จึงได้นัดหมายให้ทั้งหมดเข้าพบที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้ (4 เม.ย. 67) เวลา 09.00 น.เพื่อยื่นคำร้องและดำเนินการให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันจะต้องมีการสอบถามข้อมูลจากทางฝ่ายนายจ้างด้วย เพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายทั้งฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายนายจ้าง




กำลังโหลดความคิดเห็น