ตาก – สงครามพม่าส่อไปกันใหญ่..พบถึงขั้นสั่งซื้อปืนตัดสัญญาณโดรนทางออนไลน์ เตรียมส่งผ่านแม่สอดเข้าเมียวดี เมียนมา เจอ ฉก.ราชมนู-ตำรวจ แกะรอยสกัดจับคนส่งได้พร้อมของกลาง
วันนี้(29 มี.ค.) พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดตาก(อ.แม่สอด-พบพระ-อุ้มผาง-แม่ระมาด-และ อ.ท่าสองยาง) พ.ต.อ.พิทยากร เพชรรัตน์ ผกก.สภ.แม่สอด ร่วมกันแถลงข่าวที่ หน้าสถานีตำรวจภูธรแม่สอด
กรณีเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาชายและหญิง สัญชาติเมียนมา ดำเนินคดีในข้อกสาวหา "สั่งเข้ามา นำเข้ามา ผลิต หรือ มีซึ่งยุทธภัณฑ์ โดยไม่ได้รับอนุญาต" ซึ่งเป็น ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พุทธศักราช 2530
พร้อมของกลาง ได้แก่ อุปกรณ์ระบบป้องกันสแปมแบบมือถือชนิดป้องกันสัญญาณกล้องติดอยู่กับที่ หรือปืนตัดสัญญาณ อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน จำนวน 1 รายการ ,พัดลมปรับอากาศ จำนวน 1 ตัว พร้อมกล่องพัสดุสำหรับจัดส่งไปประเทศเมียนมา - กล่องพลาสติก สีดำ และกล่องพัสดุ
การจับกุมมีขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ ได้รับแจ้งจากสายลับเมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า จะมีการลักลอบขนสินค้าเกี่ยวกับอาวุธ ผ่านบริการขนส่งพัสดุไปยังสหภาพเมียนมา เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้รวบรวมข้อมูลรายละเอียด และวางแผนให้ผู้ต้องหาซึ่งมีชื่อเป็นผู้ส่งพัสดุมาติดต่อรับพัสดุ เนื่องจากมีปัญหาในการขนส่ง
เมื่อผู้ต้องหามาถึงบริเวณจุดที่นัดพบตรวจสอบพัสตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานและขอทำการตรวจสอบพัสดุต่อหน้าผู้ต้องหา ผลการตรวจสอบปรากฏว่า ข้างในพัสดุเป็นอุปกรณ์ระบบป้องกันสแปมแบบมือถือชนิดป้องกันสัญญาณกล้องติดอยู่กับที่ (ปืนตัดสัญญาณ อากาศยานไร้คนขับ) อยู่ภายใน ซึ่งเป็นวัสตุยุทธภัณฑ์ที่ต้องได้รับ อนุญาตในการมี หรือ สั่งเข้ามา
เมื่อสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ได้รับการร้องขอจากบุคคลรู้จักให้สั่งสินค้าทางออนไลน์ส่งไปยังประเทศเมียนมา ซึ่งเมื่อสอบถามเกี่ยวกับการได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานแล้วผู้ต้องหาแจ้งว่าไม่เคยได้รับอนุญาตแต่อย่างใด เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับของกลางที่ตรวจพบดังกล่าวถือได้ว่า เป็นยุทธภัณฑ์ที่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เนื่องเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานทางยุทธวิธี ซึ่งการตรวจพบและดำเนินการทางกฎหมายนี้ ถือได้ว่าเป็นการระงับยับยั้งการลักลอบใช้ยุทธภัณฑ์อย่างผิดกฎหมาย และเพื่อให้เกิดความมั่นคง ปลอดภัยแก่ประชาชน