ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.สอบสวนกลาง พร้อมสารวัตรเกษตร กรมวิชาการเกษตร บุกจับโกดังเก็บวัตถุอันตรายที่ อ.เสิงสาง โคราช ตรวจยึดของกลางอื้อ 11 รายการ มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท แจ้งดำเนินคดีเจ้าของโกดัง 2 ข้อหา โทษหนักทั้งจำคุกและปรับ
วันนี้ (26 มี.ค. 67) นายอิทธิพล บังพรม ผู้อำนวยการกลุ่มควบคุมตามพระราชบัญญัติ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 กรมวิชาการเกษตร นำกำลังสารวัตรเกษตร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง 15 นาย บุกเข้าตรวจค้นภายในโกดังเลขที่ 337/1 และ 337/2 หมู่ที่ 2 ต.สุขไพบูลย์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา หลังได้รับการร้องเรียนว่า มีการซื้อขายสารเคมีผิดกฎหมาย โดยสภาพโกดังหลังดังกล่าวเป็นห้องแถวที่แบ่งเช่าเป็นล็อก ประมาณ 10 ห้อง ในจำนวนนั้น 2 ห้องถูกใช้เป็นโกดังเก็บสารเคมีจำพวกยากำจัดแมลงศัตรูพืชเอาไว้เต็มโกดัง
จากการตรวจค้นครั้งนี้มีเจ้าของโกดัง (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) ยินยอมนำเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบภายในโกดัง ซึ่งพบสารเคมีที่ถือเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 จำพวกคลอร์ไพริฟอส และพาราควอตไดคลอไรด์ จำนวนมาก สารดังกล่าวถือเป็นวัตถุอันตรายไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครอง หรือจำหน่ายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากเป็นสารที่มีความเป็นอันตรายหรือความเสี่ยงสูง ทั้งจากคุณสมบัติของตัวสารเอง หรือจากลักษณะการใช้ เช่น สารก่อมะเร็ง สารก่อกลายพันธุ์ สารที่เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ ปะปนอยู่กับกลุ่มของสารเคมีและวัตถุอันตรายที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง
และยังพบว่ามีวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จำพวก ไกลโฟเซต ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้ครอบครองอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีสารเคมีบางส่วนที่ไม่มีฉลากกำกับระบุสรรพคุณด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ตรวจสอบและใช้เป็นหลักฐาน
นายอิทธิพล บังพรม ผู้อำนวยการกลุ่มควบคุมตามพระราชบัญญัติ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การบุกเข้าตรวจค้นและจับกุมดังกล่าวเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าโกดังแห่งนี้ได้ลักลอบจำหน่ายสารเคมีอันตรายผิดกฎหมายให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางเข้าทำการตรวจสอบตามข้อร้องเรียน
เบื้องต้นพบสารเคมีที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้หรือครอบครองและจำหน่าย รวมถึง สารที่สามารถมีไว้ครอบครองแต่ต้องได้รับอนุญาต จำนวนทั้งหมด 11 รายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบปากคำเจ้าของโกดังเพิ่มเติม เพื่อจะได้ทำการขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการ พร้อมแจ้ง 2 ข้อหาตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม กับเจ้าของโกดัง ประกอบด้วย "ครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 4" “ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และ “ครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าของโกดังให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา