อุบลราชธานี - ตัวแทนภาคประชาชนเชื่อเปิดเขื่อนปากมูลเป็นแหล่งท่องเที่ยวหน้าแล้งจะดึงเม็ดเงินเข้าสู่จังหวัดไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ด้านผู้เลี้ยงปลาในกระชังบอกระดับน้ำที่ลดลงยังไม่กระทบ
จากกรณีคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแม่น้ำมูล จ.อุบลราชธานี มีมติให้เปิดเขื่อนปากมูลเพื่อลดระดับน้ำให้แก่งสะพือโผล่พ้นน้ำใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ชาวบ้านในอำเภอพิบูลมังสาหารช่วงฤดูแล้งนี้ และได้ทำการเปิดประตูไปแล้วตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา แต่มีการเกรงว่าการปล่อยน้ำจะกระทบกลุ่มผู้เลี้ยงปลาประชังในน้ำมูลนั้น
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางนิตยา สุพล ผู้เลี้ยงปลาในกระชัง บ้านคูสว่าง ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ว่ามีการแจ้งผ่านหอกระจายข่าวจะมีการลดระดับน้ำ ทำให้ปีนี้น้ำลดเร็วกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 1 เมตร แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อปลาเลี้ยงในกระชัง เพราะปลาที่เลี้ยงเป็นปลาคัง ปลากด และปลาเทโพ ไม่เหมือนกับปลานิล ถ้าน้ำน้อยหรือน้ำร้อนก็ตายได้
ด้านนายกฤษกร ศิลารักษ์ ที่ปรึกษากลุ่มสมัชชาคนจน กล่าวว่า การเปิดเขื่อนปากมูลให้แก่งสะพือโผล่พ้นน้ำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหน้าแล้งส่งผลดีต่อผู้ประกอบการร้านขายอาหาร ขายของฝาก เมื่อปี 2566 ซึ่งมีการทดลองเปิดประตูเขื่อนเป็นเวลา 9 วัน ทำให้อำเภอพิบูลมังสาหารอำเภอเดียวมีรายได้กว่า 114 ล้านบาท ถ้านำไปคิดรวมกับแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง คือ อำเภอสิรินธร และโขงเจียม ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
ปีนี้มีการเปิดเขื่อนลดระดับน้ำเร็วกว่าปีก่อนและเปิดเขื่อนนานกว่า 1 เดือน ก็เชื่อว่าอำเภอพิบูลมังสาหารและอำเภอใกล้เคียงจะมีรายได้จากแหล่งท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท
ส่วนที่มีการบอกว่ามีการปล่อยน้ำทิ้งก็ไม่เป็นความจริง เพราะเงื่อนไขการสร้างเขื่อนปากมูลก็เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในหน้าแล้ง การลดระดับน้ำลงเป็นการบริหารจัดการอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตกับคนในพื้นที่ต้องมีการเปิดเขื่อนให้ประกอบอาชีพในหน้าแล้งได้ด้วย จึงทำให้ได้ประโยชน์ทั้งสองทาง คือ ได้กระแสไฟฟ้า และคนในพื้นที่สามารถทำอาชีพได้ด้วย
ส่วนแม่น้ำมูลที่สถานีวัดน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมือง วันนี้มีระดับน้ำสูง 1.90 เมตร หรือ 106.90 ม.รทก. โดยมีระดับน้ำลดลงจากเมื่อวาน 2 เซนติเมตร
