กาญจนบุรี - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เข้มสั่งตรึงกำลังชายแดนกาญจน์ตลอดแนว หากพบผู้กระทำความผิดกฎหมาย ดำเนินคดีเคร่งครัดทุกรายไม่มีข้อยกเว้น
วันนี้ (20 มี.ค.) พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม หัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามภาค 7 หัวหน้าควบคุมด่านความมั่นคงแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปรามตามแผนปฏิบัติการของตำรวจภูธรภาค 7 เรื่องการบูรณาการกำลังแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
โดยมี พ.ต.อ.มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.คณิศร พันบุดดา รอง ผกก.ป.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ต.ประสิทธิ์ วันเพ็ญ สวป.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ต.สมโภชน์ โชติยะวัชชัย สวป.(ชส.) สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.จีโบ เกรอต รอง ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.7 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 135 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ทองผาภูมิ ให้การต้อนรับ
รวมทั้งเข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีการจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ที่จับกุมได้เมื่อช่วงรุ่งสางของวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นแรงงานต่างด้าว 66 ราย รถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ จำนวน 4 คัน เหตุเกิดที่บ้านอู่ล่อง หมู่ 4 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ทั้งนี้ พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม (ปป.)ได้กล่าวมอบนโยบายกำชับแนวทางการปฏิบัติการตั้งจุดตรวจร่วมตามนโยบายของ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โดยมุ่งเน้นการตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านไปมาทุกคันทุกชนิด ไม่เว้นแม้แต่รถหรูหรือรถของหน่วยงานราชการ หากพบการกระทำความผิดให้จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกรายโดยไม่มีข้อยกเว้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.ขณะที่ พ.ต.อ.มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.คณิศร พันบุดดา รอง ผกก.ป.สภทองผาภูมิ ว่าที่ พ.ต.ต.ประสิทธิ์ วันเพ็ญ สวป.สภ.ทองผาภูมิ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ พบรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน บย 4946 กาญจนบุรี ขับมาจากทางด้าน อ.สังขละบุรี มุ่งหน้า อ.ทองผาภูมิ
เมื่อมาถึงด่านเจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น เบื้องต้นไม่พบสิ่งกฎหมาย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบเอกสารของคนขับและหญิงสาวที่มาด้วยกัน ปรากฏว่า นายซองเอานี (ไม่มีชื่อสกุล) อายุ 28 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 43/1 หมู่ 4 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย มีเอกสารถูกต้อง แต่ น.ส.นี่ซี (ไม่มีชื่อสกุล) ชาวพม่า อายุ 20 ปี ไม่มีเอกสารมาแสดง
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายซองเอานี ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อกล่าวหา “ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ส่วน น.ส.นี่ซี แรงงานชาวพม่า ถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”