xs
xsm
sm
md
lg

ชาวพิจิตรปลื้มปีติเตรียมพร้อมเฝ้าฯ รับเสด็จ “ในหลวง-พระราชินี”ทรงเปิดสนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิจิตร - งามดั่งเนรมิต “บึงสีไฟคืนชีพ..โอฆะบุรี” ชาวจังหวัดพิจิตรทุกภาคส่วนปลื้มปีติสุด เตรียมพร้อมเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเปิดสนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข เสาร์นี้


วันนี้ (20 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานการเตรียมความพร้อมเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 ณ สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุขบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร

ล่าสุดเมื่อ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ ลงพื้นที่ติดตามความพร้อมการสร้างสนามจักรยาน BMX สนามจักรยานขาไถ และสนามจักรยาน Pump Track ซึ่งพบว่าการก่อสร้างหรือการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นหลักในการส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่บึงสีไฟสู่การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของประชาชน

สำหรับการพัฒนาบึงสีไฟที่ดำเนินการ โดย พ.ต.อ.กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ นายก อบจ.พิจิตร เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก นายอดิเทพ กมลเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และส่วนราชการ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งของพิจิตรที่ประสานพลังความร่วมมือกันดำเนินการจนสามารถพัฒนาบึงสีไฟให้เป็นสวนสาธารณะและสนามจักรยานดังกล่าวนี้

การพัฒนาบึงสีไฟที่ทำให้สวยสดงดงาม อีกหน่วยงานหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญให้เส้นทางจักรยานรอบบึงสีไฟระยะทาง 10.28 กม. คือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างระยะทางจักรยานรอบบึงสีไฟ โดย PEA ดำเนินการปักเสาคอนกรีตอัดแรง ขนาด 8 เมตร จำนวน 609 ต้น และติดตั้ง Street Light LED 150 W จำนวน 609 ดวง ติดตั้งเสาโครงเหล็ก Solar Cell ขนาด 6 เมตร จำนวน 115 ต้น และเปลี่ยนโคม Solar Cell LED ขนาด 100 วัตต์ เป็น Street Light LED 150 W จำนวน 115 ดวง สามารถวัดค่าแสงสว่างได้ตามมาตรฐานการออกแบบการก่อสร้างทางจักรยานสำหรับประเทศไทย


อนึ่ง ความพยายามฟื้นฟู “บึงสีไฟ” แหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ซึ่งเคยมีประวัติศาสตร์ที่ถูกกล่าวขานถึงมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ยุคสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ที่ทรงเรียกเมืองพิจิตรว่า โอฆะบุรี ซึ่งแปลว่าห้วงน้ำ แต่ถูกบุกรุกจนแทบไม่เหลือความเป็นแหล่งน้ำจืดใหญ่อันดับสามของประเทศนั้น เกิดขึ้นมาต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุค เสธ.หนุ่น-พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตนักการเมืองใหญ่ ขณะยังมีชีวิต

กระทั่งมีการดึงงบประมาณจากการท่องเที่ยวปี 2552/2553 ทำอุทยานบัว กว่า 40 ล้านบาท แต่ก็สวยงามอยู่แค่เพียงวันเดียว คือวันที่ เสธ.หนั่นเปิดงาน..ต่อมาก็ทิ้งไว้เป็นอุทยานร้าง ไร้ดอกบัว

ปี 2553 มี "งบไทยเข้มแข็ง" อ้างการใช้งบประมาณพัฒนาบึงสีไฟเพื่อการเกษตรแบบถาวร โดยชลประทานจังหวัดพิจิตรเป็นเจ้าภาพจะขุดลอกและกำจัดผักตบชวาในบึงสีไฟ แต่มองไม่เห็นรูปธรรมชัดเจน

ปี 54 กลับปรากฏว่าบึงสีไฟวิกฤต วัชพืช-ผักตบชวาปกคลุมเกือบเต็มพื้นที่ ทำให้คุณภาพน้ำตกต่ำ ส่งกลิ่นเน่าเหม็น จนมีปลาตายเกลื่อน เป็นแหล่งมั่วสุมวัยรุ่น

13 ตุลาคม 2559 จังหวัดพิจิตรประกาศให้การฟื้นฟูบึงสีไฟเป็นวาระจังหวัด ภายใต้โครงการ “สานพลังประชารัฐ วาระจังหวัดพิจิตร ฟื้นฟูบึงสีไฟ” ให้ทุกส่วนราชการร่วมมือพัฒนา ปรับปรุงบึงสีไฟร่วมกับเอกชนและชาวพิจิตร หวังให้บึงสีไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนดังเช่นในอดีต

แนวทางการพัฒนาบึงสีไฟตามวาระจังหวัด คือ รับฟังความคิดเห็นของชาวพิจิตรเพื่อนำมาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาบึงสีไฟ ระยะสั้นและระยะยาว ต่อมาก็ทุ่มงบครั้งใหญ่ 500 ล้าน หวังยกเครื่อง 'บึงสีไฟ' ครั้งใหญ่ คราวนี้ดึง อบจ.พิจิตรร่วมพัฒนา

แต่ทุกอย่างต้องหยุดลงเพราะโควิด

กระทั่งกระทรวงมหาดไทยน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นหลักในการส่งเสริมพัฒนาพื้นที่สาธารณะบึงสีไฟ ให้เหมาะเป็นพื้นที่สาธารณะของพี่น้องประชาชนทุกช่วงวัย ได้มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ..ทำให้วันนี้ บึงสีไฟ คืนชีพแล้ว












กำลังโหลดความคิดเห็น